วันพฤหัสบดี, 28 พฤศจิกายน 2567

บิ๊กสมาคมโรงแรมไทย ค้านแนวคิดนำโรงแรมเถื่อนร่วมโครงการ 5 ล้านห้อง”เราเที่ยวด้วยกัน”

บิ๊กสมาคมโรงแรมไทยค้านแนวคิดนำโรงแรมเถื่อนร่วมโครงการ 5 ล้านห้อง”เราเที่ยวด้วยกัน”

 

วันที่ 14 กรกฎาคม นายอุดม ศรีมหาโชตะ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของผู้อำนวยการเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง มีแนวทางอนุญาตให้โรงแรมนอกระบบที่อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตโรงแรมตาม พ.ร.บ.โรงแรม 2547 หรือกลุ่มที่ใบอนุญาตหมดอายุไม่เกิน 1 ปี โรงแรมขนาดเล็กหรือบูติดโฮเต็ลที่ไม่มีใบอนุญาต จะได้รับการพิจารณาผ่อนผันให้เข้าร่วมมาตรการโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ถือว่าไม่เป็นธรรมกับโรงแรมที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และอาจเป็นการส่งเสริมให้มีธุรกิจโรงแรมเถื่อนเพิ่มมากขึ้น

“ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังมีโรงแรมเถื่อนจำนวนมากเข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากภาครัฐออกนโยบายเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่ทำผิดกฏหมายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนการแข่งขันทางธุรกิจหลายด้านของโรงแรมที่ถูกต้องตามกฏหมาย จะสูงกว่าโรงแรมเถื่อน และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด -19 อย่างเข้มงวด แต่โรงแรมเถื่อนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจมาตรการต่างๆเท่าที่ควร ขณะที่หน่วยงานภาครัฐจะอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในการตรวจสอบ”นายอุดม กล่าว

นายอุดม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ห้องพักสำหรับโรงแรมที่ถูกต้องมีมากมายหลายพื้นที่ท่องเที่ยว หน่วยงานของรัฐไม่ต้องกังวลว่านักท่องเที่ยวจะจองห้องไม่ได้ และต้องเปิดให้โรงแรมเถื่อนมีส่วนร่วมเพื่อให้ครบ 5 ล้านห้องตามเป้าหมาย หรือ 1 ล้านสิทธิ์ของนักท่องเที่ยว โดยสนับสนุนธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากปัจจุบันที่พักประเภทพูลวิลล่าที่ประกาศขายห้องผ่านสังคมออนไลน์ สร้างปัญหามากมายทั้งมาตรการสาธารณสุข มาตรการด้านความปลอดภัย การสร้างความรำคาญและอาจจะมีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง

“ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่มีมาตรการจัดการอย่างเด็ดขาด ทั้งที่กระทรวงมหาดไทย ออกกฏกระทรวงเรื่องการแก้ไขดัดแปลงอาคารที่พักอาศัยเป็นอาคารโรงแรมเกือบ 4 ปี สำหรับที่พักที่มีปัญหาเรื่องใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโรงแรม สามารถไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารเป็นอาคารโรงแรมได้ และได้ผ่อนปรนลดข้อปฏิบัติในการเปลี่ยนแปลงอาคารหลายด้านแล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต ควรจะไปแก้ไขให้ถูกต้องตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน ไม่ใช่ขอให้รัฐบาลผ่อนปรนให้ ทำให้เป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต”นายอุดม กล่าว

พิสิษฐ์ รื่นเกษม/ข่าว/จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

Loading