สืบสวนภ.1” เจ๋ง”ตามรวบไอ้ตั้ม”มือฆ่าสาวโรงงาน

22 ส.ค. 2020
67

สืบสวนภาค 1! เจ๋ง ตามรวบ“ไอ้ตั้ม” มือฆ่าสาวโรงงาน หมกท้องร่อง

เวลา 17.30 น.วันนี้ 21 ส.ค.63 ที่ สภ.แสวงหา จังหวัดอ่างทอง พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.กก.1 บก.สส.ภ.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.1 บุกรวบตัว นายเมฆ หรือตั้ม สุขคำ อายุ 32 ปีอยู่ บ้านเลขที่106 ม.9 ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จว.อ่างทองผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัด อ่างทอง ที่ 909/2563 ข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย”

พล.ต.ต.สุภธีร์ กล่าวว่าจากกรณีเมื่อวันที่ 20 ส.ค.63 เวลา 10.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แสวงหา ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกฆาตกรรมอำพรางคดีภายในร่องสวนไร่มะม่วงแห่งหนึ่งบริเวณริมถนนแสวงหา-ดอนกร่าง ม.9 ต.แสวงหา อ.แสวงหา จว.อ่างทอง จุดเกิดเหตุเป็นสวนมะม่วงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนลึกลงไปประมาณ 100 เมตร ในท้องร่องสวน เจ้าหน้าที่พบศพหญิงสาวผมยาวอายุประมาณ 25 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำตาล นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอก ถูกห่อหุ้มด้วยมุ้งคลุมสุ่มไก่ชนสีดำ ถูกฝังอยู่ภายในหลุมลึกประมาณ 1 เมตรอยู่ภายในร่องน้ำสวนมะม่วง แล้วทับด้วยกิ่งมะม่วง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ น.ส.วรรนิดาหรือจ้อย บุญเนตร อายุ 25 ปีหลังรับแจ้งเหตุจึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.กก.1 บก.สส.ภ.1 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.ภ.1 รุดไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลแสวงหาและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูเพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ

พล.ต.ต.สุภธีร์ กล่าวต่อว่า จาการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่า น.ส.วรรนิดาหรือจ้อย บุญเนตรอายุ 25 ปี ทำงานโรงงานแห่งหนึ่งที่ จว.อยุธยา และได้พักอาศัยอยู่กับนาย เมฆ หรือ ตั้ม สุขคำ อายุ 32 ปีอยู่บ้านเลขที่106 ม.9 ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จว.อ่างทอง(สามี) โดยเมื่อวันที่ 16 ส.ค.63 ที่ผ่านมา นางบุญชู บุญเนตร อายุ 47 ปีแม่ของน.ส.วรรนิดา หรือจ้อย บุญเนตร อายุ 25 ปี ผู้เสียชีวิต ได้แจ้งคนหายไว้ที่ สภ.แสวงหา โดยหลังพบศพสามีของน.ส.วรรนิดาหรือจ้อย คือนายเมฆ สุขคำ หรือนายตั้มและนายวันชัย สุขคำพ่อของนายตั้มหายตัวไป ไม่มีใครพบเห็น สงสัยว่าอาจมีส่วนในการฆาตกรรมครั้งนี้
ต่อมา พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.กก.1 บก.สส.ภ.1 ได้เชิญตัวนาย วันชัย หรือ ไมล์ สุขคำ อายุ 62 ปีพ่อของ นายเมฆหรือตั้ม มาสอบสวนทราบว่าเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 17 ส.ค.63 บุตรชายได้โทรศัพท์มาบอกตนว่าได้ฆ่าน.ส.วรรณิดาหรือจ้อย ตายที่บ้านตนจึงขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างไปหาลูกชายที่บ้าน พร้อมกับหยิบเอาผ้าที่ใช้สำหรับคลุมสุ่มไก่ที่สวนไปด้วยโดยใช้เส้นทางกลางทุ่งนา เมื่อไปถึงที่บ้านพัก ตนพบศพ น.ส.วรรณิดา นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอนในห้องนอนของลูกชาย ตนจึงได้ช่วยลูกชายเอาศพห่อหุ้มด้วยผ้าคุมสุ่มไก่แล้วยกใส่รถจักรยานยนต์ขี่ออกจากบ้านของตนเองไป โดยใช้เส้นทางกลางทุ่งนามาที่สวนและช่วยกันยกศพเข้าไปในสวนที่ตนรับจ้างเฝ้าอยู่ หลังจากนั้นใช้จอบขุดบริเวณร่องน้ำและช่วยกันยกศพลงฝังไว้ที่กลางร่องน้ำแล้วกลับไปอยู่บ้านตามปกติ

พ.ต.อ.ศานติ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนทราบว่านายเมฆ หรือตั้ม สุขคำอายุ 32 ปีอยู่ บ้านเลขที่106 ม.9 ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จว.อ่างทอง เป็นผู้ลงมือฆ่าน.ส.วรรณิดา หรือจ้อย จึงได้รวบรวมวัตถุพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนขออำนาจศาลจังหวัดอ่างทองออกหมายจับนายเมฆหรือตั้มผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 909/2563 ข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย”และสมารถติดตามจับตัวนายเมฆ หรือตั้ม ได้ที่บ้านเลขที่ 191/1 ม.2 ต.พะเนียด อ.โคกสำโรง จว.ลพบุรี

พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 เปิดเผยว่าจากการสอบสวน นายเมฆ หรือตั้ม ได้ให้การรับสารภาพว่าตนกับน.ส.วรรณิดาหรือจ้อย ได้อยู่กินกันมาประมาณ 10 ปีแล้วแต่ไม่มีลูก ตนเองไม่ได้ทำงานอะไร ส่วนน.ส.วรรณิดาหรือจ้อย นั้นทำงานเป็นสาวโรงงาน มาได้สักระยะหนึ่งแล้วหลังจากนั้นช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา น.ส.วรรนิดา มีการอาการเปลี่ยนแปลงไป ตนเองจับได้ว่ามีชายคนอื่นมาติดพันและในวันที่เกิดเหตุ น.ส.วรรนิดา หลังเลิกงานกลับมาที่บ้านตนได้ทะเลาะตบตีกันในห้องนอน และทาง น.ส.วรรณิดาหรือจ้อย ได้ขอเลิกและแยกทางกันบอกว่าไปแล้วจะไม่กลับมาอีกจากนั้นก็เดินออกจากห้อง ตนจึงเดินตามไปใช้แขนเข้าล็อคคอจากด้านหลังจนน.ส.วรรณิดาหรือจ้อย แน่นิ่งไปเมื่อตนพบว่าเสียชีวิตแล้วจึงได้โทรศัพท์ไปตามพ่อมาช่วยนำศพไปฝัง และเมื่อมีคนมาพบศพ ตนจึงหลบหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านเพื่อนที่จังหวัดลพบุรี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะติดตามไปจะกุมตัวได้ดังกล่าว

โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า”ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.1ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสวงหาดำเนินคดีตามฎหมายต่อไป

Loading