วันศุกร์, 15 พฤศจิกายน 2567

สระแก้ว”หนุ่มขนแรงงานต่างด้าวถูกจับ

สระแก้ว- รถขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายดวงซวยไปไม่รอด

บริเวณบนถนนสาย อรัญประเทศ-ตาพระยา หน้าหมู่บ้านจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. บ้านหนองว้า ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มีรถเก๋งขับปาดหน้ารถปิคอัพของกำนันได้รับความเสียหายไม่มากนัก แล้วได้ขับตามรถเก๋งให้หยุดรถมาคุยกันรถเก๋งจึงหยุดรถลงมาคุยจังหวะที่รถเก๋งเปิดประตูรถกำนันเหลือบเห็นคนในรถท่าทีมีพิรุธจึงถามว่าจะไปไหน บอกว่าจะไปกรุงเทพฯ แต่พูดไม่ชัด กำนันจึงได้แสดงตัวต่อคนขับรถว่าเป็น จ.น.ท.ฝ่ายปกครอง คนขับรถเก๋งบ่น ดวงซวยจริงๆ งานเข้า

ต่อมาทราบชื่อคนขับรถปิคอัพที่ถูกปาดหน้าชื่อนาย บุญเพ็ง พันโบ กำนัน ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้เล่าว่าตนเดินทางมาราชการที่ อ.โคกสูง ได้มีรถยนต์เก๋ง สีน้ำตาล ยี่ห้อ นิสสัน ทะเบียน กฉ.9438 สระแก้ว ขับมาด้วยความเร็วแซงตนแล้วปาดหน้าหลบรถที่วิ่งสวนมาทำให้เฉี่ยวหน้ารถของตนเสียหายบริเวณซุ้มล้อขวาของรถ ตนจึงได้ขับตามให้หยุดรถลงมาคุยกันก่อน รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวจึงได้หยุดรถตนได้เดินไปหาคนขับรถเก๋งจะถามว่าขับรถยังไงถึงรีบร้อนนักทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายทันทีที่คนขับรถเก๋งเปิดประตูรถลงมาก็เหลือบไปเห็นมีคนนั่งในรถเก๋ง 3 คน ท่าทางมีพิรุธและคนขับด้วย จึงได้ถามว่าจะไปไหนกันคนในรถตอบว่าจะไปกรูงเทพฯ แต่พูดไม่ชัด จึงถามคนขับว่าที่นั่งมาในรถเป็นใครคนขับรถเก๋งตอบแบบร้อนรนเป็นเขมร ตนจึงแสดงตัวเองว่าเป็น จ.น.ท.ฝ่ายปกครอง จึงประสานหน่วยจับกุมผ่าน นาย ประพิศ ญาณปัญญา นายอำเภอโคกสูง สั่งให้ชุดจับกุมเข้าตรวจสอบพร้อมด้วย พันเอก เฉลิมเกียรติ ศิริสมบูรณ์ รอง ผบ.ฉก.ตาพระยา เจ้าหน้าที่ร้อย ฉก.ตชด.4 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ จึงได้เชิญตัวทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนที่อำเภอโคกสูง

ภายหลังทราบชื่อผู้ขับขี่รถเก๋งคือนาย ศราวุฒิ สุพันธ์ อายุ 30ปี ทีอยู่ 209 หมู่1 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สะแก้ว ผู้ขับขี่รถเก๋งสีน้ำตาล ยี่ห้อ นิสสัน ทะเบียน กฉ.9438 สระแก้ว รับสารภาพ ได้พาแรงงานชาวกัมพูชาหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 3คน รับมาจากบ้านหนองเสม็ด ต.5 โคกสูงได้ค่าหัวคนละ 3,700 บาท จะมีนายหน้าติดต่อมาแต่ละวันไม่ซ้ำที่ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวส่งเข้ากรุงเทพฯ ในช่วงมีโรคระบาดโควิท 19 ด่านพรมแดนไม่เปิดก็มีรายได้ดีกว่าด่านเปิดทำกันมานาน นายศราวุฒิ ไม่ยอมเปิดเผยขบวนการขนแรงงานเถื่อนอ้างว่าทำตามออร์เดอร์ที่มีการโทรบอกเท่านั้น

ต่อไปจึงได้ทำการส่งตัวชาวกัมพูชาทั้ง 3 คน พร้อมคนขับรถและของกลางมอบให้กับสถานีตำรวจโคกสูงพบพนักงานสอบสวนดำเนินคดีชาวกัมพูชา ทราบชื่อภายหลังมี นายเคม เม อายุ 47 ปี นายตอง เอีย อายุ 28 ปี นางหลิว ซุน อายุ 45 ปี จากการสอบถาม นาย ตอง เอีย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและพวกได้เดินตามป่าช่องธรรมชาติที่เขาเรียกกัน ต.5 ไม่รู้ว่าทางไทยเรียกชื่ออะไร มีคนไทยในหมู่บ้านไม่รู้ชื่อบอกให้เดินตามที่บอกพอเห็นถนนดำให้หยุดรอซุ่มในป่าแล้วจะมีรถ จยย.มารับให้จ่ายค่ารถด้วยคนละ 200 บาท แล้วเขาพามาส่งในหมู่บ้านตนไม่รู้จักแต่สังเกตุได้หน้าบ้านมีโรงเรียนก็มานั่งคอยจนกระทั่งมีรถเก๋งมารับก่อนขึ้นรถต้องจ่ายเงิน 3,700 บาทให้กับคนที่บ้านนั้น แล้วเดินทางแต่มารถเฉี่ยวกันก่อนเลยไม่ได้ไปกรุงเทพฯถูกจับเสียก่อนแต่เคยไป-มาบ่อยเพื่อนๆพี่น้องไปกันหมดแล้วไม่ถูกจับ

ส่วน จนท.ตำรวจตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นแต่อย่างไร จึงแจ้งข้อหาคนขับรถฐาน ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม ด้านชาวกัมพูชาโดนข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาทั้งคนขับพร้อมต่างด้าวฐาน มั่วสุมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคตามข้อกำหนดมาตรา 9 ฉบับที่1ข้อ 5แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อีกด้วย

 

ข่าว/อดิศักดิ์ภาพ/จัด กุ่มประสิทธิ์ รายงาน

Loading