ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส มั่นใจ จากการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบในพื้นที่ จะมีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค ช่วงหน้าแล้ง รวมถึงรองรับช่วงภาวะวิกฤตไฟไหม้ป่าพรุที่อาจเกิดขึ้น
วันนี้ (17 มี.ค.60) นายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส กล่าวว่า กรมชลประทานรับผิดชอบบริหารจัดการน้ำภาพรวม ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์น้ำท่วม เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ ประกอบกับหลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าฤดูร้อน ได้ปิดประตูอาคารบังคับน้ำที่มีอยู่ เพื่อเตรียมการรับมือภัยแล้ง อาทิ ลุ่มน้ำบางนรา มีปริมาณ 19.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค รวมถึงการผลิตน้ำประปาในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และอำเภอยี่งอ ส่วนน้ำเพื่อการเกษตร ในลำน้ำบางนรา ประชาชนส่วนใหญ่ปลูกพืชผัก ใช้น้ำไม่มากก็ไม่มีปัญหาอะไร ทางด้านลุ่มน้ำสายบุรีและลุ่มน้ำโก-ลก ซึ่งมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริขนาดเล็ก ทั้งระบบฝาย อ่างเก็บน้ำ ท่อระบาย ที่จะเป็นแหล่งน้ำสำรองสำหรับหมู่บ้านในช่วงหน้าแล้ง ทั้งนี้เชื่อว่าในจังหวัดนราธิวาส จะไม่มีปัญหาวิกฤตเรื่องภัยแล้งเหมือนพื้นที่อื่น เพราะในพื้นที่มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการชลประทานขนาดเล็กกระจายอยู่ทุกอำเภอ
“…กรมชลประทานดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อกักเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุด แต่ยังมีข้อจำกัดเพราะในจังหวัดนราธิวาส ยังไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งสำรองน้ำ ที่จะเอาน้ำมาเติมในลำน้ำต่าง ๆ ของกรมประทานได้ แต่ได้บริหารจัดการน้ำเท่าที่มีให้มีประสิทธิภาพสูงสุด…”
นอกจากนี้ยังเตรียมน้ำไว้เพื่อรับมือภาวะวิกฤต อาทิ ไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง มีการปิดประตูน้ำและได้เก็บน้ำตามข้อตกลงร่วมของคณะกรรมการบริหารจัดการพรุโต๊ะแดง ที่สำคัญมีมาตรการเสริมในการเก็บน้ำ ดำเนินการทำทำนบซองในคลองปาเสมัส เพื่อเก็บน้ำเป็นช่วง ๆ ใช้ในการดับไฟหากเกิดเหตุขึ้น รวมถึงสูบน้ำจากสถานีสูบน้ำโคกกูแว เข้าคลองส่งน้ำแล้วผันน้ำเข้าไปพื้นที่พรุโต๊ะแดง รอบ ๆ ขอบพรุแถวอำเภอตากใบอีกด้วย
ภาพ/ข่าว ซาการียา ดอเลาะ