ศรีสะเกษ !! หนุ่มใหญ่ร้องทุกข์โดนปิคอัพขยี้ขาหักกระดูกแตกละเอียดคดีไม่คืบหน้า คู่กรณีไม่รับผิดชอบดูแล วอนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย เนื่องจากต้องพักรักษาตัวนานกว่า 90 วันแล้วไม่สามารถทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวได้
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 12 ต.พยุห์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ น.ส.ธนพร สีเหลือง อายุ 48 ปี ได้นำตัวนายเทพกร สีเหลือง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/3 หมู่ 12 ต.พยุห์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นน้องชาย เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ โดย น.ส.ธนพร เล่าว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย.63 เวลาประมาณ 09.30 น.ขณะที่นายเทพกรกำลังเดินมาตามถนนบ้านหนองระโย – บ้านหนองไผ่ หมู่ 12 ต.พยุห์ เพื่อที่จะกลับบ้าน ปรากฏว่าได้มีนายสมชาย กันตรง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 10 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ขับรถยนต์ปิคอัพ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน บก 8286 ศรีสะเกษ ได้ขับรถมาเบียดเฉี่ยวชนนายเทพกรขณะเดินอยู่ไหล่ทางด้านซ้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บขาข้างขวาหัก กระดูกแตกละเอียดหลายชิ้น หลังเกิดเหตุตนได้นำนายเทพกรส่งไปเข้ารักษาพยาบาลที่ รพ.พยุห์ และเนื่องจากอาการหนักมาก แพทย์ รพ.พยุห์ได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ศรีสะเกษ
น.ส.ธนพร กล่าวต่อไปว่า ตนต้องดูแลนายเทพกร น้องชาย ซึ่งบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ รวมทั้งไม่สามารถประกอบอาชีพทำมาหากินได้นานกว่า 86 วันแล้ว โดยที่ไม่ได้รับการเหลียวแลแสดงความรับผิดชอบจากคู่กรณีที่เฉี่ยวชนทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด นายเทพกรต้องพักรักษาตัวที่ รพ.ศรีสะเกษ โดยแพทย์ต้องทำการผ่าตัดใส่เหล็ก แต่ว่าขณะนี้อาการยังไม่สมบูรณ์ ทำให้ครอบครัวของนายเทพกรได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ตนได้ไปติดตามความคืบหน้าของคดีนี้กับ ร.ต.อ.ภักดี ทองอินทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พยุห์ แต่ว่าคดียังไม่คืบหน้าแต่อย่างใด โดยพนักงานสอบสวนได้เรียกตัวคู่กรณีเพื่อให้มาเจรจาค่าเสียหายที่ สภ.พยุห์ รวม 2 ครั้ง แต่ว่าคู่กรณีไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวน โดยครั้งแรกอ้างว่ารถยนต์เสีย ไม่สามารถเดินทางมาได้ พอครั้งที่ 2 ก็อ้างว่านายเทพกรได้เซ็นยินยอมไม่ติดใจเอาความต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากว่าคู่กรณีนำเอาหนังสือมาให้เซ็นยินยอมนั้น นายเทพกรอยู่ในสภาวะสมองยังไม่ปกติสมบูรณ์ อีกทั้งเป็นการขัดต่อความเป็นจริง เนื่องจากว่านายเทพกรบาดเจ็บสาหัส ขาข้างขวาหัก กระดูกแตกละเอียด และจะมาลงบันทึกตกลงไม่ติดใจเอาความกันได้อย่างไร
นายเทพกร สีเหลือง อายุ 45 ปี กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนกำลังเดินกลับบ้าน คู่กรณีขับรถมาชนด้านหลัง ตนล้มลง ทำให้ล้อรถเหยียบทับขาข้างขวาหักกระดูกแตกละเอียด ตนไม่ได้เซ็นยินยอมว่าจะไม่ติดใจเอาความกับคู่กรณี เพราะว่าตนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้จะไม่ติดใจเอาความได้อย่างไร ตนขอความเมตตาขอความช่วยเหลือจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้วย โดยตนรักษาตัวนานกว่า 3 เดือนแล้ว จะขอเรียกร้องค่าเสียหาย 500,000 บาทจากคู่กรณีที่ทำให้ตนได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้
ทางด้าน ร.ต.อ.ภักดี ทองอินทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พยุห์ ซึ่งเป็นร้อยเวรเจ้าของคดี ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ในวันเวลาที่เกิดเหตุคือ วันที่ 9 พ.ย.63 เวลาประมาณ 09.30 น.ไม่มีคู่กรณีอุบัติเหตุครั้งนี้มาแจ้งความแต่อย่างใด และเมื่อวันที่ 11 พ.ย.63 เวลา 11.11 น.นายสมชาย กันตรง อายุ 23 ปี และนายเทพกร สีเหลือง อายุ 45 ปี ได้มาพบกับตนเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย ต่อมาจากการสอบสวนจึงเชื่อว่าเหตุรถเฉี่ยวชนในครั้งนี้ประกอบกับคำให้การรับสารภาพของนายสมชาย กันตรง เชื่อว่าได้ขับรถโดยไม่ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจะต้องมี แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จึงได้รับเป็นเลขคดีจราจรที่ 64/63 ไว้ทำการสอบสวน ต่อมาได้ทำการเปรียบเทียบปรับนายสมชาย เป็นเงิน 400 บาท ตามบันทึกเปรียบเทียบปรับจราจรที่ 47/2653 ใบเสร็จรับเงินเล่มที่ 085724 เลขที่ 6
ร.ต.อ.ภักดี กล่าวต่อไปว่า ต่อมาตนพบว่า นายเทพกรได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก จึงได้เรียกตัวนายสมชายให้มาพบกับนายเทพกรและญาติพี่น้อง เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เรียกไปแล้ว 2 ครั้ง นายสมชายก็ไม่มาพบกับผู้เสียหายและพนักงานสอบสวน ดังนั้น เมื่อช่วงประมาณต้นเดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมา ตนจึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมชาย กันตรง โดยดำเนินคดีในข้อหา ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนายสมชายได้ให้การปฏิเสธ ตนจะได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อส่งฟ้องนายสมชาย กันตรง ไปยังอัยการ จ.ศรีสะเกษ ในช่วงประมาณต้นเดือน มี.ค.64 นี้ ซึ่งตนได้เร่งดำเนินคดีนี้และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายอย่างเต็มที่ต่อไป
ข่าว/ภาพ…… บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ