วันนี้ (2 เม.ย.60) ระหว่างเวลาประมาณ 13.00 – 13.30 น. พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1(สส)/ เอราวัณ4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ โมรานนท์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมประชุมสอบสวนปากคำผู้ต้องหาในคดี “เหตุ 111 (ลักตู้เซฟ) พื้นที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี”
ประกอบด้วย 1. นายณัฐหรือโต้ง ชาหอม (ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 155/2560 ลงวันที่ 1 เมษายน 2560) 2. นายกีรติหรือแจ็ค กุมพล หรือ นายพงษ์ศักดิ์ นิรันดี
(ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 156/2560 ลงวันที่ 1 เมษายน 2560)
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นฯ โดยใช้ยานพาหนะฯ”
พร้อมของกลาง เครื่องมือที่ใช้ในการก่อเหตุ ,รถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ,แผ่นป้ายทะเบียน โทรศัพท์มือถือ, อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ,นาฬิกาข้อมือ ,เครื่องประดับ ,พระเครื่อง ,ปากกา รวมของกลางทั้งหมดจำนวน 151 รายการ
พฤติการณ์กล่าวคือ
ตามวันเวลาที่เกิดเหตุได้มีคนร้าย ใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์ ติดป้ายทะเบียนปลอม เข้ามาลักทรัพย์ในบ้านพักภายในหมู่บ้านเมืองทอง โดยได้งัดตู้เซฟและได้ลักทรัพย์สินไปจำนวน 15 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 1,292,500.00 บาท
และหมู่บ้านสายลม ได้ลักทรัพย์สินไปจำนวน 14 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 1,821,700.00 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวประกอบด้วย 1.นายณัฐหรือโต้ง ชาหอม ,2.นายกีรติหรือแจ็ค กุมพลหรือนายพงษ์ศักดิ์ นิรันดี ซึ่งเป็นสมาชิก “แก็งหมูบิน” จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุญาตศาลจังหวัดนนทบุรีออกหมายจับผู้ต้องหา และสามารถสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา
โดยในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่านายณัฐหรือโต้ง ชาหอม ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ จำนวนหลายคดี ในหลายพื้นที่ ประกอบด้วย นนทบุรี,สมุทรปราการ,ปทุมธานี,กทม.,ฉะเชิงเทรา,ชลบุรี,นครราชสีมา รวมกว่า 25 ครั้ง และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายณัฐหรือโต้งฯ และนายกีรติหรือแจ๊คฯ เป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ โดยนายณัฐหรือโต้งฯ มีหมายจับจำนวนทั้งสิ้น 33 หมาย ส่วนนายกีรติหรือแจ๊คฯ มีหมายจับอีกจำนวนทั้งสิ้น 10 หมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล พิธีกรและนักธุรกิจ ชื่อดัง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย เดินทางมาตรวจสอบทรัพย์สินที่ทำการตรวจยึดจากผู้ต้องหามาได้ด้วยตนเอง
“การปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้บูณาการกำลังสืบสวนสอบสวนจนทราบตัวผู้กระทำความผิด ตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถสืบสวนจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา ซึ่งผู้ต้องหานี้ถือเป็นภัยต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก่อเหตุซ้ำหลายครั้งอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย การปฏิบัติการครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ อันเป็นการตอบโจทย์การทำงานในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
ในนามของตำรวจภูธรภาค1 จึงขอชมเชยและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป” ณ ห้องประชุม ศปก.สภ.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี