วันอังคาร, 4 กุมภาพันธ์ 2568

เดอะโอ๋ !!! ประชุมมอบนโยบายการบริหารแก่ข้าราชการตำรวจ สังกัด ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์

เดอะโอ๋ !!! ประชุมมอบนโยบายการบริหารแก่ข้าราชการตำรวจ สังกัด ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์

วันนี้ 14 ก.พ. 65 เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายการบริหารราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจ สังกัด ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์”พร้อมด้วย พ.ต.อ.คมเดช ดอนปิ่นไพร ผกก.ฝอ.6 บก.อก.ภ.7 โดยมี พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.กิตติภพ ชมภูนุช รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.พนิช อ่วมสอาด รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.วิธิวัฒน์ ศรีทองจ้อย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิพิพัฒน์ พูลศิริโภคา รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.ภาคภูมิ โห้ใย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ คณะ กต.ตร.ประจวบคีรีขันธ์
ผกก.รอง ผกก.สว.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวในที่ประชุมโดยได้กำชับให้ปฏิบัติ 1.นำนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ ผบ.ตร.”เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา”วิสัยทัศน์ตำรวจภูธรภาค 7 “ภักดีองค์ราชันมุ่งมั่นสร้างศรัทธา พัฒนาเป็นมืออาชีพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม นำสมัย เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และวิสัยทัศน์ ผบช.ภ.7 “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” ไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม 2.ต้องทำงานกันเป็นทีม ยึดมั่นในระเบียบวินัย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน และดำรงตนอย่างมีเกียรติ
3. การทำงานต้องประกอบด้วย “หลักการทำงาน 4443” 1 “4 เกาะ” เกาะติดพื้นที่ เกาะติดประชาชน/มวลชน/และชุมชน เกาะติดคนร้ายหรือเกาะติดศัตรูของประชาชน และเกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเกาะติดลูกน้อง 2 “4 ยก” ยกระดับองค์ความรู้ ยกระดับวิธีคิด ยกระดับวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลพินิจ 3 “4 ทำ” ทำงาน ทำดี ทำบุญ และมีภาวะผู้นำ 4 “3 S” Smart Smile Strong 4.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการอย่างสม่ำเสมอโดยใกล้ชิด และสร้างขวัญกำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น และสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนเพื่อให้ยอมรับว่าข้าราชการตำรวจเป็นมิตรที่ดีของประชาชน เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 2537 เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ 5.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบควบคุมกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การกระทำความผิดใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์ การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางวินัย คดีอาญาและปกครองอย่างถึงที่สุด 6.ให้ทุกหน่วยดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผบ.ตร./รอง ผบ.ตร.โดยเคร่งครัด และต้องมีแผนปฏิบัติการทำงานเชิงรุก เป็นแผนยุทธการในแต่ละพื้นที่ 7.กำชับให้หัวหน้าหน่วยทุกระดับรายงานเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และเหตุที่น่าสนใจ รวมทั้งเหตุที่ผู้บังคับบัญชา สื่อมวลชน และประชาชน ให้ความสนใจ ซึ่งเหตุที่จะต้องรายงาน หัวหน้าหน่วยย่อมใช้ดุลยพินิจได้ ให้รายงานเหตุทันทีอย่าให้ล่าช้าได้ 8.การขับเคลื่อนงานทุกหน้างาน ทุกด้าน ทุกภารกิจ และการเร่งรัดติดตามคดี จะใช้ ศปก.ภ.7 เป็นตัวขับเคลื่อน โดยกำหนดให้มีการประชุม ศปก.ภ.7 ทุกวันพุธ เวลา 09.00 น. ให้ ผบก./หัวหน้าสถานี เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง 9.ให้ทุกหน่วยงานตั้งทีมโฆษก ทีมประชาสัมพันธ์ ทีม IO ของทุกหน่วย เฝ้าระวังข่าวปลอม (FAKE NEW) และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบข้อมูลที่แท้จริง 10.ให้ทุกหน่วยจัดทำแผนงาน/โครงการ ในการแก้ปัญหาหนี้สินให้กับกำลังพล จัดและหาสวัสดิการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดี โดยดำเนินการขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรม 11.ผู้บังคับหน่วยทุกระดับ ผบก./หัวหน้าสถานี ต้องอยู่ในพื้นที่ สามารถดำรงการติดต่อได้ตลอดเวลา ทั้งทางโทรศัพท์ และทางLINE หรือทาง CONFERENCE และให้เฝ้าฟังศูนย์วิทยุเพื่อควบคุมสั่งการ ตลอดจนให้มีความพร้อมสามารถรับข้อสั่งการทั้งทางโทรศัพท์ และทางLINE ได้ตลอดเวลา หากออกนอกพื้นที่ต้องมีการขออนุญาตให้ถูกต้อง 12.ให้ข้าราชการตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่จิตอาสา ประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง และเคร่งครัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการฝึกอบรม ห้ามมิให้กระทำการอันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียโดยเด็ดขาด 13.ให้ ผบก.ทุกหน่วย กำชับการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมกำกับการปฏิบัติงานของกำลังพลในสังกัดโดยเคร่งครัด หากมีปัญหาใดเกิดขึ้นหัวหน้าหน่วย/หัวหน้าสถานีต้องเป็นคนแรกที่แก้ไขปัญหานั้นๆ 14.มุ่งเน้นการป้องกันอาชญากรรมเป็นเป้าหมายหลัก คือการควบคุม และลดความรุนแรงของการเกิดอาชญากรรม ลดความหวาดระแวงของประชาชนเพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย/หากมีคดีเกิดฝ่ายสืบสวนต้องเร่งรัดติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว/ฝ่ายป้องกันปราบปรามต้องวิเคราะห์สภาพอาชญากรรมวางมาตรการไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก เพิ่มความเข้มในการป้องกันอาชญากรรมทุกมิติ ขับเคลื่อนงานป้องกันอาชญากรรม ให้บรรลุตัวชี้วัดตามยุทธศาสตร์การรักษา ความปลอดภัยของตร.ในทุกด้าน

15. พัฒนาระบบบริหารจัดการหมายจับ(CCOC) และระบบบริหารจัดการสถานีตำรวจ(CRIMES) โดยให้หน่วยที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ และกรอกข้อมูลลงในระบบให้เป็นปัจจุบัน 16.คดีอาญา 4 กลุ่ม ให้มีการติวเข้า เร่งรัดติดตามจับกุม คดีที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ให้บรรลุเป้าหมายตัวชี้วัดของ ตร. 17.บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 อย่างเคร่งครัด ให้ทุกหน่วยจัดทำแผนการชุมนุมสาธารณะ แผนเผชิญเหตุ และมีการซักซ้อมตามแผนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมปฏิบัติเมื่อสั่ง

18.งานสอบสวน การอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ให้มีการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นธรรมและเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ 19.การดำเนินการกิจกรรมจิตอาสาและ LOCAL CAT โดยถือเป็นนโยบายหลักของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีแผนการปฏิบัติที่ชัดเจน เช่น แผนการปฏิบัติงานประจำปี แผนการปฏิบัติงานรายไตรมาตร หรือแผนการปฏิบัติงานตามสถานการณ์ ทั้งนี้มีการติดตามผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง 20.งานยาเสพติดถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล และ ตร. ให้ทุกหน่วยจัดทำฐานข้อมูลบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด/ฐานข้อมูลเครือข่ายกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดไว้ให้เป็นปัจจุบัน เมื่อมีการจับกุมยาเสพติด ให้มีการขยายผลทุกราย 21.กำชับเรื่องความรักความสามัคคีในหมู่คณะ ให้อยู่ด้วยกันแบบพี่น้อง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าเอาเรื่องในบ้านของตนเองไปพูดข้างนอกให้รู้หน้าที่มีวินัย
โดยก่อนการประชุมผู้เข้าร่วมประชุมได้รับตรวจการติดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้น (ATK) ผลการตรวจไม่มีผู้เข้าร่วมประชุมถูกตรวจพบเชื้อโควิด-19

Loading