วันจันทร์, 23 กันยายน 2567

เดอะโอ๋ !!! ใช้เวลา 48 ช.ม.แถลงรวบหนุ่มโหด ฆ่าปาดคอแฟนสาวหมกคาห้องเช่า

28 ก.พ. 2022
68

เดอะโอ๋ !!! ใช้เวลา 48 ช.ม.แถลงรวบหนุ่มโหด ฆ่าปาดคอแฟนสาวหมกคาห้องเช่า

วันนี้ 28 ก.พ. 65 ที่สภ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาครพล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.สราวุธ ศรีชัยรอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาครและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ฆ่าปาดคอในพื้นที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ตามหมายจับ 1 ราย คือ นายอนุชา อ่องสอาด อายุ 25 ปี ที่อยู่ 9/1 หมู่ 13 ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.47/2565 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 พร้อมของกลางมีดปอกผลไม้สแตนเลส ยาวประมาณ 23.5 เซนติเมตร จำนวน 1 เล่ม, มีดปอกผลไม้ด้ามจับพลาสติกสีดำ ยาวประมาณ 23 เซนติเมตร 1 เล่ม, รถจักรยานยนต์ฮอนด้า MSX สีแดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งใช้เป็นยานพาหนะที่ใช้ในการหลบหนี 1 คัน, ลูกกุญแจล็อกประตูห้อง 1 ดอก, กล่องเหล้าไม้ 1 กล่อง, สัญญารับซื้อโทรศัพท์ 2 ฉบับ และเสื้อผ้า พร้อมกระเป๋าสะพายสีดำอีก 1 ใบ โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวว่าเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร ได้รับแจ้งเหตุพบศพหญิงนอนเสียชีวิตอยู่ภายในหอพักทองขาว ห้องหมายเลข c75 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร จากการตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิตพบว่า ศพมีสภาพเน่า และพบว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายด้วยของมีคม ที่บริเวณลำคอ โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลังคือ นางสาวศันสนีย์ แสงจันทร์ อายุ 38 ปี จากการสืบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักที่เกิดเหตุกับนายอนุชา อ่องสะอาด ซึ่งเป็นแฟนหนุ่ม และในวันเวลาที่พบศพไม่พบตัวนายอนุชาฯอยู่ที่บริเวณห้องพักดังกล่าว และไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อทำการสืบสวนมาโดยตลอดจนทราบว่านายอนุชาฯ เป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานไปยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร และศาลจังหวัดสมุทรสาครได้อนุมัติออกหมายจับนายอนุชา อ่องสะอาด อายุ 25 ปีชาวจังหวัดสระบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.47/2565 ลงวันที่ 26 ก.พ. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 17.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เดินทางไปยังเพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 4 ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อทำการตรวจสอบจับกุม หลังจากที่สืบทราบว่านายอนุชา ได้หลบหนีไปอยู่บริเวณดังกล่าว โดยเมื่อไปถึงทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบ นายอนุชา ซึ่งมีลักษณะตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับอยู่ที่บริเวณหน้าเพิงพัก จึงเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับให้นายอนุชาดูและให้อ่านข้อความตามหมายจับข้างต้นจนเข้าใจดีแล้ว นายอนุชา ยอมรับว่า เป็นบุคคลตรงตามหมายจับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้นายอนุชาฯ ทราบว่า จะต้องถูกจับกุมตามหมายจับข้างต้น พร้อมทั้งได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้นายอนุชา ฯ ทราบ จนเข้าใจโดยตลอดดีแล้ว นายอนุชาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยอีกว่า จากการสอบถามนายอนุชาให้การว่าตนได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดฆ่าปาดคอ นางสาวศันสนีย์ ซึ่งเป็นแฟนสาวจริง โดยตนใช้มีดปอกผลไม้ สแตนเลส ปาดเข้าที่บริเวณลำคอ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น.โดยมีสาเหตุจากการมีปากเสียงกันเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว และเรื่องเงินมาหลายครั้งเป็นปัญหาสั่งสมมานาน เคยมีการทะเลาะตบตีกันหน้าหอพักมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยในวันเกิดเหตุได้มีปากเสียงกันอีกครั้งภายในห้องพักและนางสาวศันสนีย์ฯ จะขอเลิกรากับตนและพูดไล่ให้ตนไปอยู่ที่อื่น จึงโกรธแค้นและตัดสินใจลงมือก่อเหตุดังกล่าว ต่อมานายอนุชาได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดสิ่งของที่ใช้ในการก่อเหตุซึ่งอยู่ภายในเพิงพัก ด้วยความสมัครใจของตนเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่ตรวจยึดได้ มาจัดทำบันทึกจับกุมส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

ในนามของตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในทั้งนี้ ผบช.ภ.7 ขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

Loading