เดอะโอ๋ !!! ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ กำลังใจ ข้าราชการตำรวจ สภ.โพหัก
วันนี้ 25 ก.ค.65 เวลา 13.30 น.ที่สภ.โพหัก จว.ราชบุรี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดราชบุรีเพื่อตรวจเยี่ยมพร้อมทั้งได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคจำพวก – น้ำดื่มจำนวน 20 แพ็ค – ข้าวสารถุงละ 5 โลจำนวน 10 ถุง – หน้ากากอนามัย จำนวน 1,000 ชิ้น – เครื่องดื่มโคโค่แม็ค จำนวน 1 ลัง – เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 10 ลัง – ร่มจำนวน 30 คัน – เครื่องดื่มคาราบาวแดงจำนวน 2 ลัง – เครื่อวดื่มสปอนเซอร์จำนวน 2 ลัง – เครื่องดื่มกาแฟเบอร์ดี้ จำนวน 2 ลัง – น้ำปลาจำนวน 1 ลัง – ปลากระป๋องจำนวน 1 ลัง – มาม่าจำนวน 3 ลัง – น้ำตาล จำนวน 10 กิโลกรัม – พัดลม 14 นิ้วจำนวน 3 ตัวเพื่อบำรุงขวัญ กำลังใจ แก่ข้าราชการตำรวจ สภ.โพหัก ภ.จว.ราชบุรี ทั้งนี้พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้แนะนำเพิ่มทักษะการใช้อาวุธปืนและยุทธวิธีการเข้าระงับเหตุ ให้กับข้าราชการตำรวจ จากนั้นเป็นประธานในการประชุม“เร่งรัด ขับเคลื่อนตามนโยบายของ ผบ.ตร.ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.โพหัก” โดยมี พ.ต.อ.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.สมภพ คูหาวิชานันท์ รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.พาณุพงษ์ ศรจิตติ ผกก.สภ.โพหัก พร้อมข้าราชการตำรวจ สภ.โพหัก และคณะ กต.ตร.สภ.โพหัก รอให้การต้อนรับการตรวจและเข้าร่วมการประชุม
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวในที่ประชุมโดยได้กำชับให้ปฏิบัติดังนี้ 1.นำนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ ผบ.ตร.”เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่นำสมัย ในระดับมาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” วิสัยทัศน์ตำรวจภูธรภาค 7 “ภักดีองค์ราชันมุ่งมั่นสร้างศรัทธา พัฒนาเป็นมืออาชีพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม นำสมัย เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และวิสัยทัศน์ ผบช.ภ.7 “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” ไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม 2.ต้องทำงานกันเป็นทีม ยึดมั่นในระเบียบวินัย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน และดำรงตนอย่างมีเกียรติ 3.การทำงานต้องประกอบด้วย “หลักการทำงาน 4443″ 3.1″4 เกาะ” เกาะติดพื้นที่ เกาะติดประชาชน/มวลชน/และชุมชน เกาะติดคนร้ายหรือเกาะติดศัตรูของประชาชน และเกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเกาะติดลูกน้อง 3.2″4 ยก” ยกระดับองค์ความรู้ ยกระดับวิธีคิด ยกระดับวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลพินิจ 3.3″4 ทำ” ทำงาน ทำดี ทำบุญ และมีภาวะผู้นำ 3.4 “3 S” Smart Smile Strong 4.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการอย่างสม่ำเสมอโดยใกล้ชิด และสร้างขวัญกำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น และสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนเพื่อให้ยอมรับว่าข้าราชการตำรวจเป็นมิตรที่ดีของประชาชน เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 2537 เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ 5.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบควบคุมกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การกระทำความผิดใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์ การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางวินัย คดีอาญาและปกครองอย่างถึงที่สุด 6.กำชับการจับกุมการลักลอบเล่นการพนันผิดกฎหมายพร้อม ให้ทุกหน่วยเข้มงวดกวดขัน จับกุมปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันผิดกฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาด โดยให้ถือปฏิบัติตามหนังสือ ตร. ที่ 0007.22/3926 ลง 13 ธ.ค. 64 เรื่อง การดำเนินการในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการพนัน และ หนังสือ ตร. ที่ 0007.22/524 ลง 8 ก.พ. 65 เรื่อง กำชับการปฏิบัติในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการพนัน อย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย รู้เห็นเป็นใจ ไม่สนใจจับกุมปราบปราม ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาความบกพร่องตามคำสั่ง ตร.ที่ 234/2558 ลง 27 เม.ย. 58 เรื่อง การพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข รวมทั้งผู้บังคับบัญชาชั้นต้น ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ลงวันที่ 1 ต.ค. 37 เรื่อง มาตรการควบคุม และเสริมสร้างความประพฤติและระเบียบวินัยข้าราชการตำรวจ อย่างเคร่งครัดทุกราย 7.กำชับให้ทุกหน่วยกวดขันจับกุมอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด
เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนโดยใช้อาวุธปืน ซึ่งจะเห็นว่าเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จึงให้ทุกหน่วยเข้มงวดในการตรวจค้น จับกุมอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด เพื่อเป็นการป้องกันยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น และโดยเฉพาะการเข้าตรวจค้นจับกุม ขอให้ปฏิบัติตามหลักยุทธวิธีตำรวจ ปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันการสูญเสีย รวมทั้งผู้บังคับบัญชาจะต้องดูแล จัดหา สนับสนุน อาวุธยุทโธปกรณ์ เสื้อเกราะกันกระสุน ให้พร้อมอยู่เสมอ 8.กำชับการรายงานเหตุ เมื่อมีเหตุอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ และเหตุสำคัญที่จะต้องรายงาน เกิดขึ้น ให้ หน.สภ. และ ผบก.ภ.จว. รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันทีที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ ทางไลน์ และรายงานทางเอกสารตามประมวลระเบียบการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 18 บทที่ 1 ด้วยโดยเน้นย้ำ ต้องรายงานให้ ผบช.รอง ผบช.ที่รับผิดชอบหน้างาน,รอง ผบช.ที่รับผิดชอบพื้นที่ ต้องทราบเหตุก่อนผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ หากผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ ทราบเหตุก่อน จะถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ 9.คดีเกี่ยวกับทรัพย์ขณะนี้เกิดขึ้นถี่และบ่อยโดยเฉพาะการชิงทรัพย์ในร้านสะดวกซื้อ ให้ทุกหน่วยจัดทำข้อมูลท้องถิ่น และวิเคราะห์ความเสี่ยงวิเคราะห์สถานภาพอาชญากรรม กำหนดมาตรการป้องกัน ระบบการรับแจ้งเหตุต้องรวดเร็ว รวมทั้งมีการซักซ้อมแผนก้าวสกัดจับ การรับแจ้งเหตุต้องมีการจัดตั้งกลุ่มไลน์ สภ. หรือไลน์ไล่ล่าตาสับปะรด โดยเชิญผู้ประกอบการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู เจ้าอาวาสวัด ฯลฯ เข้ามาอยู่ในกลุ่มไลน์เพื่อให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลและการแจ้งเหตุต่าง ๆ หากพื้นที่ใดเกิดเหตุถี่และบ่อยให้ปรับแผนและวางมาตรการเชิงรุก ให้มีการจัดธงสายตรวจ สายตรวจรถยนต์ ให้มีการเปิดสัญญาณไฟวับวาบเพื่อเป็นการกดดันคนร้าย และเมื่อเกิดเหตุแล้วต้องจับกุมคนร้ายให้ได้ 10.เรื่องการจัดงานรื่นเริงและงานประเพณีต่าง ๆ ให้ หน.สภ. ประชาสัมพันธ์ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. ฝ่ายปกครองทราบเพื่อจัดกำลังเข้าไปดูแล หากประชาชนมีการจัดงาน กิจกรรมต่าง ๆ ให้มีการขอใช้เครื่องขยายเสียง และให้มีการแจ้งสายตรวจตำบล และ สภ. ทราบด้วย หากเป็นการจัดงานขนาดใหญ่ให้มีการจัดตั้ง ศปก.สน. อย่าปล่อยให้มีเหตุยิงกัน เมื่อมีการประชุมด้านความมั่นคงในระดับอำเภอและจังหวัด ให้ หน.สภ. ไปเข้าร่วมประชุมและแจ้งให้ที่ประชุมทราบทุกครั้งเพื่อขอความร่วมมือผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ฝ่ายปกครอง และทุกภาคส่วน และให้ทุกหน่วยวางมาตรการอย่าให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก
11.การทำสำนวนการสอบสวน ให้ หน.สภ., หน.งานสอบสวน กำชับการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 อย่างเคร่งครัด 12.กำชับให้มีการฝึกทบทวนทางยุทธวิธีทั้งฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวนเป็นประจำสม่ำเสมอ ให้เกิดความคุ้นชินเมื่อต้องปฏิบัติ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสูญเสียแก่เพื่อนพี่น้องข้าราชการตำรวจ13.กรณีประชาชนร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนรำคาญ จากการแข่งรถในทาง สถานบันเทิงเปิดเพลงเสียงดัง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่ใจที่จะแก้ปัญหาการร้องเรียนดังกล่าว อย่าปล่อยปละละเลย จนเกิดการร้องเรียนซ้ำซาก และอย่าให้มีการนำเสนอข่าวว่า “ตำรวจไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน” 14.ให้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ จากเดิม 14 รูปแบบเป็น 18 รูปแบบ ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อ หากพบการกระทำความผิดดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุด 15.เพิ่มการจับกุมต่างด้าวลักลอกเข้าเมือง และห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนได้เสียหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตามอย่างเด็ดขาด 16.ให้หัวหน้าสถานีเข้าไปแก้ปัญหาหนี้สิน ดูแลเรื่องสวัสดิการและความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา