ผบช.ภ.7 !!! นำทีมชุดสืบสวนภาค 7 บุกทลายกลุ่มขบวนการลักอุปกรณ์เสาสัญญาณ ค่ายมือถือพบ เสียหาย แล้วกว่า 22 ล้านบาท
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำทีมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี ผู้บริหารค่ายมือถือดัง แถลงผลการติดตามรวบแก๊งคนร้าย ลักลอบโจรกรรมอุปกรณ์ เสาสัญญาณมือถือ โดยมีการก่อเหตุในหลายพื้นที่ขณะนี้ พบความเสียหายไม่น้อยกว่า 22 ล้านบาทและยังมีอีกที่กำลังติดตามข้อมูล หากประชาชนพบผู้ต้องสงสัยหรือ พบความผิดปกติ ให้แจ้งเบาะแสให้กับตำรวจตรวเข้าตรวจสอบ
วันที่ 7 ตุลาคม 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จว.นครปฐม ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินขวัช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.สุรชัย สุกใส รองผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล ผกก.กก.สส.1 บกสส.ภ.7 พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผกก.สภ.โพธาราม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งลักอุปกรณ์เสาสัญญาณโทรศัพท์ เครือข่ายทรูมูฟ-ดีแทค ในพื้นที่ตํารวจภูธรภาค 7 พร้อมของกลางที่ได้ทำการตรวจยึด จุดที่ 1.จำนวน 9 รายการ 1. RRU ยี่ห้อ HUAWEI จำนวน 3 ตัว และ RRU ยี่ห้อ ERICSON จำนวน 7 ตัว รวมทั้งหมด 10 ตัว 2. ตัวกระจายสัญญาณโทรศัพท์ จำนวน 10 ตัว 3. แบตเตอรี่ลิเทียมลิเธียม จำนวน 4 ก้อน 4. MODOL RECTIFIER ยี่ห้อ HUAWEI จำนวน 11 ตัว 5. DC-DU POWER จำนวน 16 ตัว 6.SEP ยี่ห้อ ERICSON จำนวน 1 ถุง 7.CARD RSU จำนวน 10 ตัว 8. FAN CPE จำนวน 1 ถุง 9. DOMMY LOAD จำนวน 3 ตัว จุดที่ 2 ได้ทำการตรวจยึดของกลาง จำนวน 12 รายการ 1.PDU – 30 D ยี่ห้อ Huawei จำนวน 1 ตัว 2. RRU ยี่ห้อ Ericsson KRC161854 /1 จำนวน 1 ตัว 3. MCU EITEK จำนวน 2 ตัว 4. โมดูล ยี่ห้อ Huewai จำนวน 8 ตัว 5. โมดูล ELTEK จำนวน 3 ตัว 6. โมดูล ELTEK 2 HE 24 จำนวน 5 ตัว 7. Card UMPT WBBPEG 2 จำนวนรวม 46 ตัว 8. Card จำนวน 6 ตะกร้า 9. โมดูล PSHW-MR 4850 G 2 จำนวน 1 ตัว 10. แบตเตอรี่ 100 A vision จำนวน 3 ตัว 11. แบตเตอรี่ 100 A Ligrt จำนวน 1 ตัว12.SFP (ตัวส่งสัญญาณ Fiber) จำนวน 1 ตัวและอื่นๆอีกหลายรายการ
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ในห้วงเดือน สิงหาคม 2567 ถึง กันยายน 2567 ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจภูธรภาค 7 ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุ ลักอุปกรณ์เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ เช่น Baseband Controller อุปกรณ์กระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งเป็นของผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์เครือข่ายทรูมูฟ – ดีแทค ติดตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี จำนวน 11 แห่ง และ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 4 แห่ง ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายต่อ ระบบโทรคมนาคม และส่งผลกระทบทำให้ประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่และผู้ใช้บริการเครือข่ายดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อนในการติดต่อสื่อสาร ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.1 บก.สส.1 ภ.7 บูรณาการกำลังร่วมกับชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ราชบุรี ลงพื้นที่ทําการสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุ จํานวน 2 ราย คือ นาย วัชรพล หรือ มอส อายุ 30 ปี ชาวอ.สวี จว.ชุมพร ในข้อหา “ ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป ” ปัจจุบันประกอบอาชีพ เป็นผู้รับจ้างเหมางานจากบริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ และเป็นผู้ครอบครอง พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะ ที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งตรวจสอบประวัติพบว่า มีประวัติคดีอาญา ดังนี้ ข้อกล่าวหา(เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ) ของ สภ.สวี จว.ชุมพร และ ข้อกล่าวหา (พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี) ของ สภ.สวี จว.ชุมพร และข้อกล่าวหา (ครองครองยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ของ สภ.บ้านในหูต จว.ชุมพร )
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนขยายผลจับกุม และประสานการติดตามข้อมูล ในพื้นที่ของ อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี สามารถติดตามจับกุมตัวนายสามารถ หรือ มาด อายุ 34 ปี ชาวอ.เมืองกาญจนบุรี จว.กาญจนบุรี ในข้อกล่าวหาว่า ( ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป) เคยมีประวัติคดีอาญา ข้อหา ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ของ สภ.ลาดหญ้า จว.กาญจนบุรี
โดยนายวัชรพล ฯ ได้นําอุปกรณ์ฯ ที่ลักมานําไปขายให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ที่บ้านพัก ต.บางบัวทอง
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า ในส่วนของห้วงเดือน กันยายน ถึง ตุลาคม 2567 ได้เกิดเหตุลักอุปกรณ์เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ของผู้ให้บริการสัญญาณ โทรศัพท์เครือข่ายหนึ่งในพื้นที่ จว.นครปฐม จํานวน 9 แห่ง โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ภ.จว.นครปฐม ได้สืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุ จํานวน 2 ราย นายณฐพัฒน์ หรือพัฒน์ อายุ 21 ปีชาว อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ซึ่งปัจจุบันประกอบอาชีพเกี่ยวกับการรับจ้างติดตั้ง และรื้อถอนเสาสัญญาณโทรศัพท์ ในข้อกล่าวหา ( ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป )และ น.ส.รติมา หรือเจน อายุ 24 ปีชาว อ.ดอนตูม จว.นครปฐม ในข้อหา(ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป) พร้อมของกลางรถยนต์ ซูซูกิ สวิฟท์ สีเทาหมายเลขทะเบียน 4 กค 4059 กรุงเทพมหานคร เสื้อแขนยาวสีเหลือง – น้ำเงิน จำนวน 1 ตัว ไขควง สีแดง แบบสี่แฉก จำนวน 1 ด้าม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ. 7 เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายณฐพัฒน์ ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนได้นําอุปกรณ์ ที่ลักมาได้แล้วก็จะนําไปขายต่อให้กับ นาย พงษ์พัฒน์ หรือไอ ที่ประกาศรับซื้ออุปกรณ์ ดังกล่าว ผ่านทาง Facebook หลังจากตกลงซื้อขายกันเสร็จแล้วตนก็ได้นําส่งอุปกรณ์ แพคพัสดุส่งให้กับนายพงษ์พัฒน์ฯ ผ่านทางบริษัทขนส่งสินค้าเอกชน
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2567 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 ได้ประสานบูรณาการกำลังร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.3 ได้ลงพื้นที่ร่วมทำการสืบสวนขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาจํานวน 1 ราย นายพงษ์พัฒน์ หรือไอ อายุ 35 ปี ชาว อ.ห้วยแถลง จว.นครราชสีมา ซึ่งเคยประกอบอาชีพเป็น วิศวกรของบริษัทอุปกรณ์ สื่อสาร ในข้อกล่าวหา ( รับของโจร )
จากการตรวจค้นบ้านพัก และ IOSFarm ของ นายพงษ์พัฒน์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบของกลางเป็นอุปกรณ์ เสาสัญญาณโทรศัพท์ และอุปกรณ์อื่นๆ จํานวนทั้งสิ้น 23 รายการ ซึ่งมีอุปกรณ์ ที่ถูกลักมาจากในพื้นที่ จว.นครปฐม จํานวน 2 รายการ และในส่วนอุปกรณ์รายการอื่นๆนั้นอยู่ระหว่าง การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งอุปกรณ์ ที่นายพงษ์พัฒน์ รับซื้อจะนําส่งไปขายต่อยังผู้รับซื้อซึ่งอยู่ต่างประเทศ
ซึ่งในขณะนี้ทางทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สรุปผลการดําเนินการเบื้องต้นในคดีลักอุปกรณ์เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ ในพื้นที่ตํารวจภูธรภาค 7 ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.7 สามารถติดตามจับกุมได้แล้วจำนวน 24 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 5 คน พร้อมของกลางจำนวน 43 รายการ รวมทั้งสิ้น 357 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางที่ตรวจยึด ราคาประมาณกว่า 22,500,000 บาท
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยอีกว่า สำหรับรูปคดีในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 ได้เร่งติดตามไล่ล่ากลุ่มขบวนการนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผู้ต้องบางรายอยู่ปลายทางที่ต่างประเทศ และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจสอบไม่พบว่าอาจจะไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนของคอลเซ็นต์เตอร์ หรือ เชื่อมโยงกับเหตุการณ์อื่นหรือไม่ แต่ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลอยู่พอสมควรแล้ว แต่ยังไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลได้ เพราะจะเสียรูปคดี ซึ่งในขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้สัญญาณโทรศัพท์ และสัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ให้คําแนะนํากับบริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ เรื่องแนวทางการป้องกันเหตุ และการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในจุดติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ เช่น เพิ่มระบบป้องกัน การติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบสวนจับกุมผู้กระทําผิดเมื่อเกิดเหตุ และเป็นพยานหลักฐานในการดําเนินคดีต่อไป