ตำรวจไซเบอร์แถลงความคืบหน้า ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวง “ชาล็อต ออสติน” สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท ขยายผล จับกุมผู้รวบรวมบัญชีเพิ่มอีก 1 ราย
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม
ออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ
พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ
ผอ.ศปอส.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุม
สั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการ
ให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิด
เกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อสามารถติดตามทรัพย์สินที่หลอกลวงไปกลับมา
เยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหาย จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันที่ 23 ธ.ค.67 เวลา 11.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์
คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท. ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่
ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์แถลงความคืบหน้า ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลวง “ชาล็อต
ออสติน” สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท ขยายผลต่อเนื่อง จับกุมผู้รวบรวมบัญชีเพิ่มอีก 1 ราย
สืบเนื่องจาก บช.สอท. ได้มีการจัดแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์แถลงความคืบหน้า ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็น
เตอร์ ลวง “ชาล็อต ออสติน” สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กก.3 บก.สอท.1 ได้
สืบสวนจนจับกุมตัว นางสาวปาริฉัตต์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นบัญชีม้าแถวแรก และมีการข้ามแดนไปสแกนหน้า
ที่ฝั่งประเทศกัมพูชา และ นายอาทิตญา อายุ 43 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมบัญชีม้า
จาการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ทำให้ทราบถึงผู้ที่คนรวบรวมบัญชีอีก 1 ราย ที่พาบัญชีม้าไปสแกนหน้าที่
ประเทศกัมพูชา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กก.3 บก.สอท.1 จึงได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการที่ยัง
หลบหนีมาดำเนินคดีเพิ่มเติม จนสามารถจับกุมตัว นางจันทร์ทาฯ อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี ตาม
หมายจับของศาลอาญา ที่ 6294/2567 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2567 โดยจับกุมตัวพร้อมของกลาง
โทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy A06 และซิมโทรศัพท์อีก 2 ซิม ได้ที่หน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 3
ต.บางศรีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้รวบรวมบัญชีม้า และเดินทางข้ามแดนไปสแกนหน้าที่ประเทศ
กัมพูชาในชั้นจับกุม นางจันทร์ทาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และพร้อมให้การที่เป็นประโยชน์
โดยนางจันทร์ทาฯ ให้การว่า ตนเคยถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชีและไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชามาก่อน หลังจาก
ที่บัญชีถูกอายัดแล้ว จึงเดินทางกลับมาประเทศไทย แต่ก็ยังติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการที่รู้จักกันที่กัมพูชาอยู่
จึงผันตัวมาเป็นคนกลางผู้รวบรวมบัญชีม้า แล้วส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านแทน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่น
เกิดความกลัวหรือความตกใจ ด้วยการขู่เข็ญ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือ ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยเป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด, เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไข
ข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการขายบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อ
ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใดและมีส่วนร่วม
ในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
ทั้งนี้ ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการที่ยังหลบหนีมา
ดำเนินคดีเพิ่มเติม และยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์ทุกนายมีความตั้งใจในการทำคดีอย่างเต็มที่ในทุกคดี เพื่อเป็นที่
พึ่งและเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหายทุกราย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนมีชื่อเสียง บุคคลทั่วไป หรือกลุ่ม
เปราะบาง จึงขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจไซเบอร์