นครปฐม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จฯ ประทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปี 2560 ณ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.04 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จฯ ประทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2560 ณ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย ตำบลศาลายา พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยมีพระเทพบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครปฐม รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม คณะนักศึกษา และประชาชน เผ้าถวายสักการะ
สำหรับมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย จัดการศึกษาใน 5 คณะวิชา ประกอบด้วย คณะศาสนาและปรัชญา คณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และบัณฑิตวิทยาลัย ทั้งในส่วนกลางและ 7 วิทยาเขต กับอีก 3 วิทยาลัย ในภูมิภาค โดยจัดการศึกษาในระดับปริญญาตรี 14 สาขาวิชา ระดับปริญญาโท 5 สาขาวิชา และระดับปริญญาเอก 3 สาขาวิชา สำหรับพิธีประทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2560 มีผู้สำเร็จการศึกษาและเข้ารับประทานปริญญาบัตร ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ รวมทั้งสิ้น 1,395 รูป/คน ได้แก่ระดับปริญญาตรี 1,208 รูป/คน ระดับปริญญาโท 163 รูป/คน และระดับปริญญาเอก 24 รูป/คน
โอกาสนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานโอวาท แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ความว่า การดำเนินชีวิตไม่ว่าในฐานะใดๆ และการทำงานทุกอย่างไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ใดๆ “ความจริง” เป็นคุณสมบัติอันสำคัญยิ่ง ที่จะทำให้ชีวิตและการงานสามารถบรรลุผลที่ปรารถนา ความจริงนี้ ในทางพระพุทธศาสนาใช้คำว่า “สัจจะ” หรือ “สัตยะ” บางครั้งอาจเรียกว่าความซื่อตรงก็ได้ ความมีสัจจะ คือ การแสดงออกด้วยการประพฤติตนในทางที่เที่ยงตรง เป็นความจริงตามสภาวะที่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นของแท้ ไม่เป็นอย่างอื่นทางใจ ประกอบด้วย จริงใจ ได้แก่ ความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีจิตทุจริตคิดเป็นอื่นมาแอบแฝง จริงวาจา ได้แก่ พูดจริง และ จริงกาย ได้แก่ ทำจริง
บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษา ย่อมมีหน้าที่แสวงหาความก้าวหน้าสำหรับตนให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง การจะพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพยิ่งๆ ขึ้นไปนั้น หากขาดความจริงจังทางใจ ทางวาจา และทางกายแล้ว ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่า จะไม่มีวันบรรลุสมตามปรารถนา และถ้าบัณฑิตไม่สามารถพัฒนาตนได้แล้ว ก็จะทำให้สังคมส่วนรวม ไม่อาจก้าวหน้าพัฒนาไปได้เช่นกัน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนพุทธบริษัททั้งหลายไว้ว่า สจฺเจน กิตฺติ ปปฺโปติ แปลความว่า คนที่ได้รับเกียรติ ได้รับชื่อเสียง ก็เพราะความสัตย์.