วันอังคาร, 24 กันยายน 2567

บิ๊กอวบ!!เปิดอบรมสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพ ตำรวจภูธรภาค ๑

23 มี.ค. 2018
44

“บิ๊กอวบ”เปิด อบรมสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพ ตำรวจภูธรภาค 1

วันนี้ (23 มี.ค.61) ที่ห้องประชุม ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1 จว.สระบุรี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 ร่วมเปิดโครงการอบรมสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพข้าราชการตำรวจ ระดับหัวหน้าสถานีตำรวจ จำนวน 134 สภ.ในสังกัดภ.1 และร่วมประชุมบริหารราชการตำรวจภูธรภาค 1โดยมีข้าราชการตำรวจในสังกัด ระดับ ผกก.ขึ้นไปทุกนาย และข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย ระดับ รอง ผบก.-สวจำนวน 134 นายในวาระประจำปี 2560

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่าในที่ประชุมได้มอบนโยบายและข้อราชการสำคัญ ในการขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ตามแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2561 ภายใต้แผนปฏิบัติการ “พิทักษ์ภัยให้ประชาชน 2561โดยมุ่งเน้นงานสำคัญ 4 ด้าน คือ ด้านป้องกันอาชญากรรมโดยมุ่งเน้นการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก ป้องกันไม่ให้มีเหตุเกิดขึ้น ด้วยการพัฒนาการจัดระบบสายตรวจในด้านปราบปรามอาชญากรรม ทุกสถานีตำรวจจะต้องระดมกวาดล้างอาชญากรรม อย่างน้อย 10 วันต่อเดือนในระดับตำรวจภูธรจังหวัดต้องปิดล้อมตรวจค้นทุกวันที่ 10,20 และ 30 ของทุกเดือนโดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย อาวุธปืน/อาวุธสงคราม/ยาเสพติดและหมายจับค้างเก่า การจัดระเบียบสังคม/นักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาท/การแข่งรถในทางพื้นที่เสี่ยงเกิดอาชญากรรมทุกประเภท และหนี้นอกระบบ ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและอาชญากรรมพิเศษ ให้แนวทางในการปฏิบัติงานการมีส่วนร่วมและการประสานงานกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษต่างๆ ไว้แล้ว ขอให้ไปตรวจสอบ/ดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทาง และข้อสั่งการดังกล่าว และการขับเคลื่อน และการประเมินผล จะมีการติดตาม ประเมินผลทั้งในเชิงปริมาณ และ เชิงคุณภาพโดยมอบหมาย ท่านผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป) รับผิดชอบพื้นที่ ในการขับเคลื่อนนโยบายงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ให้บรรลุเป้าหมาย โดยการประเมินผลงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ตามแผนพิทักษ์ภัยให้ประชาชน 2561 ตามแนวทางการตรวจประเมินผลการป้องกันอาชญากรรม 3 ส่วน ได้แก่ การบริหารระบบงานสายตรวจ การประเมินประสิทธิภาพการควบคุมสั่งการของศูนย์วิทยุ สน./สภ. และศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 เสริมการปฏิบัติด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย Police I Lert U และการประเมินผลการควบคุมคดีอัตราการเกิดจากสถิติคดีอาญา ๔ กลุ่ม โดยจะให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับ บก./ภ.จว. พิจารณาคัดเลือกสถานีตำรวจ ที่มีการบริหารจัดการงานป้องกันอาชญากรรม ตามแบบประเมินที่กำหนดและการตรวจยกระดับบริการประชาชนของสถานีตำรวจ ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้ออกสุ่มตรวจหลาย สภ.พบว่าภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี มีต้องปรับปรุงแก้ไขบ้าง ได้แนะนำไว้แล้ว โดยขอเน้นเรื่องการให้บริการประชาชน ทั้งในและนอกสถานีตำรวจ รวมทั้งด้านบุคลิกภาพให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจประทับใจให้ยกระดับใน 7 ด้าน

(1) บุคลิกภาพตำรวจ (2)ในสถานีตำรวจ : One Stop Service (3) นอกสถานีตำรวจ (4)งานป้องกันปราบปราม(5)งานสืบสวน (6)งานสอบสวน (7) งานจราจร เน้นการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชน นำประชาชนเข้ามามีส่วนช่วยเหลือในกิจการตำรวจ ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสายตรวจร่วม การเป็นวิทยากรปรับบุคลิกภาพและทัศนคติ การใช้ความเป็นศิลปินดาราชักนำกลุ่มเป้าหมายฯลฯในส่วนผู้บังคับบัญชาต้องเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา จัดหาสวัสดิการต่างๆ เช่น อาหารกลางวัน รับประทานอาหารกับผู้ใต้บังคับบัญชาสร้างความสามัคคี และการทำงานเป็นทีม ด้านอาชญากรรมเน้นการป้องกันควบคุมคดีอาญา 4 กลุ่มโดยเฉพาะกลุ่ม 1 กลุ่ม 2 จะต้องมีการนำเอาข้อมูลทางคดีที่สามารถควบคุมได้ (Street Crime) มาวิเคราะห์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับแผนการจัดสายตรวจวางมาตรการควบคุมอัตราการเกิด แต่หากเกิดคดีขึ้นแล้ว จะต้องติดตามจับกุมได้โดยเร็ว รวมทั้งนำเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆมาปรับใช้ในการป้องกันอาชญากรรม เช่น แอพลิเคชั่น Police I lert u โดยมอบหมาย ท่านผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป) และท่าน ผบช. ช่วยกันออกตรวจสอบ ติดตาม การทำงานของสถานีตำรวจ ทุกสถานีตำรวจ ให้เป็นไปตามนโยบาย รอง นรม.(สร.2) และแนวทางที่ ตร. รวมทั้งคณะทำงานขับเคลื่อนฯ กำหนดเพิ่มเติม อย่างจริงจัง การปฏิบัติงานตามแนวนโยบายโครงการไทยนิยมยั่งยืน ของ ตร.ตามคำสั่ง ตร.ที่ 72/2561 ลง 23 ก.พ.61 แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของ ตร.เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามนโยบายรัฐบาล โดยได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในระดับพื้นที่ ดำเนินการตามกรอบการดำเนินงานตามโครงการฯ ที่ ตร. รับผิดชอบ 3 ส่วน ได้แก่ การร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด งานตามภารกิจของหน่วยงาน ตามแนวทางการยกระดับบริการประชาชนของสถานีตำรวจ และการสนับสนุนภารกิจของหน่วยงานอื่น

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมพร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจสายงานป้องกันปราบปรามโดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับเข้มงวดกวดขันกำชับเรื่องการแต่งกายให้เรียบร้อยตัดผมสั้นและงดเว้นการสวมใส่แว่นตาดำในขณะปฏิบัติหน้าที่/ยกเว้นแต่ข้าราชการตำรวจที่มีปัญหาด้านสายตา/ตาอักเสบ จากความเห็นของแพทย์และข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพตา อนุโลมให้สวมใส่แว่นดำได้ แต่จะต้องเป็นแว่นดำที่มีลักษณะที่เหมาะสมเท่านั้น ห้ามใช้แว่นแฟชั่น หรือแว่นที่มีการเคลือบปรอทสีต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องตาม ประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ ที่กำหนดไว้นั้น

Loading