วันเสาร์, 16 พฤศจิกายน 2567

ตำรวจท่องเที่ยว ประสานความร่วมมือกองบัญชาการสืบสวนมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายอาซัง

27 มี.ค. 2018
27

“ตำรวจท่องเที่ยว ประสานความร่วมมือกองบัญชาการสืบสวนมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายอาซัง

ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามเครือข่ายแก็งคอลเซนเตอร์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่หลอกหลวงประชาชนได้รับความเดือดร้อน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศก.ฉปทน.ตร.)โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ได้ทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง และได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่า มีเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ที่มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเครือข่ายนี้ยังคอยหลอกลวงประชาชนคนไทยอยู่ มีผู้เสียหายหลายราย จึงได้ประสานความร่วมมือผ่าน นายมงคล สินสมบูรณ์ รักษาการกงศุลใหญ่ ณ เมืองเซี้ยะเหมิน มายังกองบัญชาการตำรวจมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ต่อมาเช้าของวันที่ 27 มีนาคม 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท./ หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.1 บช.ทท., พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท., พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 บช.ทท., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.บช.น. , พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.ภ.2 ,พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง, พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.บช.น. , พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร สว.งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ.บช.น., พ.ต.ท.ศิลา ตันตระกูล สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.บช.ก., พ.ต.ต.พรชัย สุขเจริญ สว.สส.สน.วัดพระยาไกร บช.น., ว่าที่ พ.ต.ต.นที คุ้มล้วนล้อม สว.งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร.บช.น.ร่วมประชุมหารือ ณ กองบัญชาการสืบสวนมณฑลฝูเจี้ยน โดยมีนาย เฉิน จ้ง รองผู้บัญชาการสืบสวนมณฑลฝูเจี้ยน และนายเสี้ยว จิ้น ฉาย ผู้บังคับการสืบสวนเมืองจางโจว ให้การต้อนรับ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูล หลังสืบทราบว่าได้มีแก๊ง call center ตั้งอยู่ที่ เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน

และต่อมา เวลาประมาณ 14.00 น. ภายใต้การประสานงานความร่วมมือของตำรวจไทยและกองบังคับการสืบสวนเมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้บุกเข้าตรวจค้นภายในคอนโดหรู หลงฉวนฮวาถิง เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน ชั้น 17 ห้อง 1703 – 1704 หลังจากทางตำรวจไทยได้มอบข้อมูลสถานที่ตั้งศูนย์สั่งการคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว
จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าว พบอุปกรณ์ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ที่ยังอยู่ระหว่างการสื่อสารเพื่อรอโอนเงิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเหยื่อและบทพูดแสดงตัว “ร.ต.ท.จำรัส ทองอ่อน และ ร.ต.ท.สมภพ กองสมบัตร เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการภาค 4” รายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงรวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อในแต่ละสายงาน

นอกจากนี้ยังพบคนไทย ทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเต็มใจมาทำภายในบ้านหลังดังกล่าว 6 คน และชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมอีก 1 คน รวมทั้งหมด 7 คน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. อธิบายว่า เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์นี้ย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศอื่น หลังจากชุดปฏิบัติศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศก.ฉปทน.ตร.) ได้บุกเข้าจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างเข้มข้น จึงทำให้อาซังหัวหน้าคอลเซ็นเตอร์นี้ย้ายมาเปิดที่ เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีนแทน ทำมาประมาณ 1 เดือน เงินหมุนเวียนกว่า 1 ล้านบาท โดยประมาณ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 แก๊งดังกล่าวนี้เพิ่งหลอกหญิงไทย จำนวน 1 ราย ได้เงินไปกว่า 150,000 บาท ในพื้นที่ สน.ราษฎร์บูรณะ
การทำงานของแก๊งนี้มีลักษณะเหมือนกับกลุ่มแก๊งอื่นโดยมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์สายที่ 1 โทรศัพท์หาเหยื่ออ้างว่ามีพัสดุส่งทางไปรษณีย์ ภายในพัสดุนี้มียาเสพติดและมีชื่อเหยื่อเกี่ยวข้อง และจะพยายามพูดจนเหยื่อหลงเชื่อ จากนั้น พนักงานคอลเซ็นเตอร์สายที่ 2 ก็จะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตามบทสนทนาของตน ออกอุบายให้โอนเงินมายังบัญชีธนาคารที่เตรียมไว้ และจะมีชุดกดเงินนำบัตรเอทีเอ็มของธนาคารที่เหยื่อโอนเข้ามา ไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม แล้วฝากเงินในบัญชีธนาคารนำส่งหัวหน้าแก๊งเพื่อแบ่งเงินตามเปอร์เซ็นต์ที่ได้ตกลงกันไว้ภายในกลุ่มแก๊ง

พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า จุดที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งนี้ ถือเป็นสุดยอดทำเลที่มีความพร้อมทั้งเรื่องของระบบอินเตอร์เน็ต ที่เป็นระบบใยแก้วนำแสง ทั้งยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่มีชาวไต้หวันมาลงทุนทำธุรกิจในพื้นที่จำนวนมากจึงไม่เป็นเป้าสังเกต อีกทั้งยังเป็นจุดที่มีพื้นที่เชื่อมต่อแหล่งคอลเซ็นเตอร์ในไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และกัมพูชา จึงง่ายต่อการเชื่อมต่อข้อมูลหากัน และนี่เป็นการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งที่ 4 หลังตำรวจท่องเที่ยวจับมือกับตำรวจมาเลเซียและกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในนามเฉิน หยวนไข่ อาซื่อ อาหวัง และนายฉีเกอ มาได้ก่อนหน้านี้ เพียง 2 เดือน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ยังกล่าวอีกว่า ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะทำงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เข้าหารือกับรองผู้บัญชาการสืบสวนมณฑลฝูเจี้ยน เพื่อประสานข้อมูลที่ตำรวจไทยได้แกะรอยข้อมูลของแก๊งดังกล่าวนี้มาโดยตลอด และการทำงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นอย่างดีจนทำให้เราสามารถขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง และจะประสานกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีกและขอส่งตัวคนไทยทั้งหมดกลับประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีต่อไปถือเป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใกล้มาถึงจุดจบแล้ว เหลือกลุ่มที่เป็นเครือข่ายอีกไม่กี่กลุ่มซึ่งตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว
ทั้งนี้จากผลการปฏิบัติที่ผ่านมาตำรวจได้ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งสิ้น 427 ราย จับกุมไปแล้ว 244 ราย คงเหลือเป้าหมายอีกเพียง 89 หมายจับ และรอส่งตัวกลับประเทศอีก 67 ราย

Loading