หลายองค์กรใต้จี้ทหารหยุดปิดปากสื่อ! แห่ให้กำลังใจ “MGR Online” คึกคักหน้า สภ.เมืองปัตตานี
เครือข่ายประชาสังคมชายแดนใต้ ผนึกเครือข่ายเทใจให้เทพาไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน แห่มอบกุหลาบให้ “สื่อเครือผู้จัดการ” ถึงหน้า สภ.เมืองปัตตานี กรณีถูก กอ.รมน.ภ.4 แจ้งความดำเนินคดีกรณีลงข่าวมีซ้อมทรมานในค่ายทหาร พร้อมๆ กับที่ศาลจังหวัดยะลา-ปัตตานีนัดไต่สวนฉุกเฉินหลังญาติร้องให้ทหารหยุดทำร้ายผู้ถูกควบคุมตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สภ.เมืองปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี ว่าเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ (9 เม.ย.) นายปิยะโชติ อินทรนิวาส หัวหน้าศูนย์ข่าวหาดใหญ่ เครือผู้จัดการ-NEWS1 ได้เดินทางไปพบ ร.ต.ท.อนิรุทธ์ ไกรนรา รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ตามที่ตำรวจได้มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 3 ในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เว็บไซต์ผู้จัดการ (MGR Online) ถูก พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ทพ.43 จ.ปัตตานี ผู้รับมอบอำนาจช่วงจาก ผอ.รมน.ภ.4 แจ้งความร้องทุกข์ไว้เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ
การไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานีครั้งนี้ นายปิยะโชติได้เดินทางไปพร้อมกับ นายกฤษดา ขุนณรงค์ ทนายความ และ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย อีกทั้งยังควบตำแหน่งนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย โดยก่อนเข้าห้องสอบสวนเพื่อให้การในฐานะพยานกับตำรวจ ปรากฏว่าได้มีตัวแทนเครือข่ายประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยเครือข่ายเทใจให้เทพาไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินจาก อ.เทพา จ.สงขลา หลายสิบคนได้เข้ามอบดอกกุหลาบให้บริเวณด้านหน้า สภ.เมืองปัตตานี เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับสื่อเครือผู้จัดการ ในฐานะสื่อมวลชนที่ยืนเคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด
จากนั้นนายปิยะโชติฯ นายกฤษดา ฯและนายไชยยงค์ฯ ได้ขึ้นไปพบพนักงานสอบสวนที่ห้องสอบสวนชั้น 1 โดยมี พ.ต.อ.กีรติ ยูโซ๊ะ ผกก.สภ.เมืองปัตตานี และ พ.ต.ท.ถนัด คร่ำครวญ รอง ผกก.เมืองปัตตานี ทำหน้าที่สารวัตรเวรได้อำนวยความสะดวกก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวน โดยใช้เวลาในการสอบปากคำนานประมาณ 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
“หลังจากนี้ก็จะมีการรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ ก็ขอความเห็นใจ ขอให้พวกผมได้ทำงาน หากมีความคืบหน้าอย่างไร ผมจะประสานไป ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานด้วยความตรงไปตรงมา” พ.ต.ท.ถนัดฯกล่าวภายหลังการสอบปากคำนายปิยะโชติฯแล้วเสร็จ
นางซอปีน๊ะ หะยีเด ตัวแทนเครือข่ายเทใจให้เทพาไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน กล่าวว่า ตนและพี่น้องชาวเทพาประมาณ 20 คนได้ร่วมกันเดินทางเพื่อมามอบดอกไม้ให้นายปิยะโชติฯเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ พร้อมกับต้องการส่งผ่านกำลังใจไปให้สื่อมวลชนเครือผู้จัดการด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นสื่อมวลชนที่อยู่เคียงข้างชาวบ้านมาตลอด ชาวบ้านรับไม่ได้กับการที่เจ้าหน้าที่รัฐ โดยกองทัพภาคที่ 4 ได้แจ้งความดำเนินคดีกับสื่อมวลชน เพราะที่ผ่านมาเขาได้ทำหน้าที่สื่อข่าวสารในเรื่องราวที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง
“ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างไร สิ่งที่สื่อเครือผู้จัดการเขียนก็ตรงกับปากของประชาชนที่พูดไว้ หยุดฟ้องสื่อของชาวบ้านเถอะ ให้เขาทำหน้าที่สะท้อนปัญหาของชาวบ้านให้คนภายนอกได้รับรู้ และรัฐควรใช้เวลาไปจัดการกับเรื่องอื่นๆ ที่เป็นปัญหา หรือเป็นสิ่งเลวร้ายที่มีอยู่อีกเยอะแยะ” นางซอปีน๊ะฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนของคดีที่ กอ.รมน.ภ.4 แจ้งความดำเนินคดีกับผู้จัดการออนไลน์นั้น ในวันนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ทำการสอบสวนนายปิยะโชติฯในฐานะพยาน โดยยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุการณ์ที่นายปิยะโชติฯในฐานะสื่อมวลชนเครือผู้จัดการเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปัตตานี ตามหมายเรียกวันนี้นั้น เป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่ศาลจังหวัดยะลาได้นัดไต่สวนฉุกเฉินเวลา 09.00 น. ของวันนี้ กรณีญาติผู้ถูกควบคุมตัวในค่ายทหารร้องให้เพิกถอนคำสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอ้างเหตุทำร้ายร่างกาย ขณะที่ศาลจังหวัดปัตตานีก็ได้นัดญาติผู้ถูกควบคุมตัวชุดเดียวกันไต่สวนกรณีขอให้ยุติขยายเวลาการควบคุมตัว ในขณะที่โฆษก กอ.รมน.ภ.4 ออกมาให้อย่างต่อเนื่องว่า ไม่เคยมีการซ้อมทรมานในค่ายทหาร
ด้านสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย และสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์และมีการนำไปแจกจ่ายบริเวณด้านหน้า สภ.เมืองปัตตานี ในวันนี้ด้วย โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดย พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้รับมอบอำนาจช่วงจาก ผอ.รมน.ภ.4 ได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.เมืองปัตตานี ให้ดำเนินคดีกับ เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (MGR Online) ในฐานะสื่อมวลชน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 อันเนื่องมาจากการรายงานข่าวว่า มีการซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร
จากนั้น สภ.เมืองปัตตานี ได้มีหมายเรียกให้ นายปิยะโชติ อินทรนิวาส หัวหน้าศูนย์ข่าวผู้จัดการ หาดใหญ่ ในฐานะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ไปให้การต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 3 ครั้ง ซึ่งล่าสุดมีการนัดหมายลงตัวให้ นายปิยะโชติ อินทรนิวาส เดินทางไปในวันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2561 เวลา 10.00 น.
อีกทั้งในวันและเวลาไล่เรี่ยกันยังมีข่าวว่า กอ.รมน.ภ.4 ยังได้มีการแจ้งความต่อ สภ.เมืองปัตตานี ให้ดำเนินคดีกับ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (TPBS) ในฐานะสื่อมวลชนเช่นเดียวกัน และในข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับกรณีการรายงานข่าวว่ามีการซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัวในค่ายทหารในลักษณะเดียวกัน
นอกจากนี้แล้วยังเป็นที่น่าสังเกตว่า แทบจะทุกครั้งที่ ผอ.รมน.ภ.4 มอบอำนาจให้นายทหารไปแจ้งความดำเนินคดีต่อสื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งต่อประชาชนก็ตาม มักจะมีการสร้างภาพและแจ้งข่าวเพื่อระดมสื่อมวลชนทุกแขนงให้ไปทำข่าวกันอย่างคึกคัก ไม่เว้นแม้กระทั่งการเดินทางไปให้การของฝ่ายทหารต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแทบจะทุกครั้งด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น หากมีข่าวปรากฏทางสื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวข้องกับเรื่องราวการซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัวในค่ายทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อใด แทบทุกครั้งก็จะมีคณะนายทหารทำหน้าที่โฆษก กอ.รมน.ภ.4 จัดแถลงข่าวแก้ต่าง โดยถึงขั้นเคยมีการกล่าวหาเครือข่าวภาคประชาสังคมและประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ว่า เป็นพวกลวงโลก หากเป็นสื่อมวลชนก็จะกล่าวหาว่า มโนข่าวเอาเอง เป็นต้น
ดังนี้แล้วจึงทำให้สังคมอาจจะเข้าใจไปได้ว่า แม้การซ้อมทรมานผู้ถูกควบคุมตัวในค่ายทหารจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม แต่การที่กองทัพกระทำการเช่นนี้ เหมือนต้องการสร้างเคลื่อนไหวเพื่อกดดันสื่อมวลชนทุกแขนง รวมถึงประชาชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ให้เกิดความเกรงกลัวจนไม่กล้าที่จะรายงานข่าว หรือให้ข้อมูลข่าวสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้
สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้อง กอ.รมน.ภ.4 และ กองทัพบก หยุดกระทำการเพื่อสร้างแรงกดดันต่อทั้งสื่อมวลชนและประชาชนดังกล่าวอย่างเป็นที่ประจักษ์ และหากยังต้องการที่จะดำเนินคดีต่อทั้งกับสื่อมวลชนและประชาชน เช่นนี้แล้วก็ขอให้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องพิสูจน์และตัดสินในเรื่องนี้ และขอเรียกร้องให้รัฐบาล รวมถึง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หยิบยกเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญที่จะต้องแจ้งให้สังคมรับทราบต่อไป ด้วยสำนึกในหน้าที่สื่อมวลชน
นาย ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยกล่าวว่า ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเขา ที่สามารถกระทำได้ โดยใช้วิธีทางกฏหมาย แต่ มีวิธีอื่น อีกหลายวิธี ที่สามารถกระทำได้ อย่างเช่น เรียกมาคุย เพื่อหาทางออก แต่ เขาเลือกที่จะใช้กฎหมาย การใช้วิธีแบบนี้ ทำให้นักข่าวคนอื่น กลัว ไม่กล้าเสนอข่าว เพราะหากเกิดการฟ้องร้องขึ้นมา ก็จะยุ่งยากในการ ขึ้นโรงขึ้นศาล แต่เมื่อตัดสินใจ มาเป็นนักข่าว ก็ต้องยอมรับ ว่าอาชีพนี้ มันเสี่ยง กับการถูกฟ้องร้อง ยิ่งมี พรบ.คอมพิวเตอร์ นักข่าว ก็มีความเสี่ยงมาก ขึ้น ทำให้ ผมจะตั้งกองทุน เพื่อเป็นกองทุนสู้คดี ที่ถูกหน่วยงานรัฐฟ้อง เพื่อให้นักข่าวมั่นใจว่าการทำหน้าที่สื่อในพื้นที่ ไม่ถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์/หาดใหญ่/สงขลา