จันทบุรี-นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริสัญจร ครั้งที่ 12 ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี รองประธานกรรมการ และนายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี รองประธานกรรมการ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ เป็นไปตามพระราชประสงค์และพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอดการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ อันเป็นต้นแบบของการพัฒนาในแต่ละภูมิภาคได้ต่อยอดขยายผลสำเร็จไปสู่ราษฎรได้อย่างต่อเนื่องและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงจัดให้มีการประชุมศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริสัญจรขึ้น
โดยในวันที่ 19 เมษายน 2561 เวลา 13.15 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานการประชุม พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี รองประธานการประชุม พร้อมด้วยนายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการ กปร. ผู้บริหารสำนักงาน กปร. ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 ศูนย์ และศูนย์สาขา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริสัญจร ครั้งที่ 12 ณ ห้องประชุมศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ
การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานระหว่างศูนย์ศึกษาฯ พร้อมกับรับทราบปัญหาอุปสรรคและแนวทางในการดำเนินงาน โดยมีวาระให้ที่ประชุมรับทราบดังนี้ 1) แนวทางการจัดการศูนย์สาขา ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริและพระบรมราชานุญาตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ตั้งแต่ปี 2532-2556 จำนวน 17 แห่ง และเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชดำริให้ สำนักงาน กปร. ดำเนินการจัดตั้งศูนย์สาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ โครงการอุทยานธรรมชาติวิทยาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ตะนาวศรี และ ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยเป็นศูนย์สาขาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ จ.เพชรบุรี และโครงการศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอมก๋อยตามพระราชดำริ ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นศูนย์สาขาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ จ.เชียงใหม่ 2)การดำเนินโครงการทฤษฎีใหม่ สำนักงาน กปร.ได้กำหนดนโยบายเพื่อเป็นการสืบสานพระราชดำริโดยให้ศูนย์ศึกษาฯ และศูนย์สาขาทุกแห่งปรับปรุงเพิ่มเติมแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่เพื่อให้เป็นต้นแบบที่เหมาะสม ถูกต้องตามสภาพพื้นที่เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับผู้สนใจทั่วไป รวมทั้งให้มีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง 3) การดำเนินงานศึกษา ทดลอง วิจัยของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงาน กปร.ได้กำหนดรูปแบบการจัดทำทะเบียนให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกันเพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านวิชาการต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาการบริหารจัดการ การฝึกอบรมและการศึกษาดูงานในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานและฝึกอบรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2560 มีผู้มาศึกษาดูงาน และเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 1,678,788 เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จำนวน 971,77 คน ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ บังเกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ
ประชาชนจึงเพิ่มศักยภาพในด้านการบริหารจัดการเพื่อรองรับประชาชนที่เข้ามารับบริการ อาทิ การพัฒนาบุคลากรและการจัดบุคลากรรองรับการให้บริการ การจัดทำแผนฝึกอบรม การจัดสถานที่ฝึกอบรม การจัดทำแผนเครือข่ายศูนย์เรียนรู้ฯ การเตรียมการรองรับชาวต่างประเทศที่จะเข้ามาศึกษาดูงาน เป็นต้น นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณาการกำหนดแนวทางการจัดการศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริทั้งสิ้น 113 แห่ง ทั้งนี้เพื่อให้ศูนย์เรียนรู้มีการดำเนินงานองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริที่เป็นผลสำเร็จจากงานศึกษา ทดลอง วิจัยในศูนย์ศึกษาฯ ที่สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ไปสู่เกษตรกรและผู้สนใจได้นำไปปรับใช้ให้เหมาะสม จึงได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการฯ ให้บังเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดจึงกำหนดหลักเกณฑ์การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ฯ ความพร้อม 5 ด้าน ประกอบด้วย ความพร้อมด้านคุณสมบัติทั่วไปได้แก่ เป็นคนดี มีความรู้ มีพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ที่มีคุณภาพ ความพร้อมด้านการวางแผนการจัดการศูนย์เรียนรู้ ได้แก่ การจัดแปลงสาธิต การจัดเก็บข้อมูลผู้เข้ารับการอบรม ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ อาคาร วัสดุอุปกรณ์ สื่อเผยแพร่ ด้านความชำนาญหรือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ได้แก่ ความพร้อมด้านองค์ความรู้ การสร้างคุณค่าในพื้นที่ตนเอง และด้านความยั่งยืนได้แก่ การมีส่วนร่วมของสมาชิก การมีเครือข่ายในการถ่ายทอดความรู้ นอกจากนี้ยังให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
โอกาสนี้ องคมนตรี ได้ร่วมปล่อยพันธุ์ปลากระพงขาว เพื่อเพาะและขยายพันธุ์ จำนวน 15,000 ตัว
ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์
รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก