พะเยา – อบต.แม่สุก สุดล้ำขายเขียวลิ้นจี่ผ่านโซเชียล ไม่ต้องรอให้เห็นลูก พ่อค้าแห่จองตรึม เผยสูตรเด็ดดูแลยิ่งกว่าไข่ในหิน
จากสถานการณ์การผลิตลิ้นจี่ในส่วนของ ต.แม่สุก อ.แม่ใจ จ.พะเยา ที่มีแนวโน้มว่าจะให้ผลผลิตจำนวนมากเมื่อเทียบกับหลายๆปีก่อน คาดว่าในปีนี้จะได้ลิ้นจี่ออกสู่ตลาดประมาณ 645ต้น โดยประมาณจากผลอ่อน ทาง อบต.แม่สุก จึงได้ประกาศขายแบบออนไลน์ ชนิดเหมาต้น โดยมีการประกันคุณภาพเต็มความพอใจ
ว่าที่ ร.ต.อนุชา ปัญจขันธ์ หน.สำนักปลัด อบต.แม่สุก เจ้าของความคิดขายเขียวลิ้นจี่ทางโซเชียล เปิดเผยว่า ในแต่ละปีเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่มักจะถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลางหรือล้ง ทำให้รายได้หดหาย จึงคิดหาทางตัดระบบพ่อค้าคนกลางออกไป โดยขายผ่านสื่อโซเชียล ทำเพจ “ลิ้นจี่คุณภาพตำบลแม่สุก WWW.facebook.com/lychee.maesuk ขึ้น โดยเริ่มทำตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งได้ผลดีมาก พ่อค้าพากันมาซื้อจนไม่พอขาย
ในปีนี้ผลผลิตลิ้นจี่ในตำบลแม่สุกน่าจะอยู่ที่ 645 ตัน จึงเพิ่มช่องทางการขายเขียวลิ้นจี่ขึ้น เพื่อเป็นอีกช่องทางหรืออีกโอกาสหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกร โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูปรากฏว่ามีผู้สนใจจองเป็นจำนวนมาก โดยให้จองในราคาต้นละ 5,000บาท ซึ่งเป็นระดับพรีเมี่ยม รับประกันไม่ต่ำหว่า 100กก.ต่อต้น แต่ละพวงจะได้รับการดูแลอย่างพิเศษ เพื่อให้ได้ขนาด รสชาติที่อร่อย ผลแตก ผลมีตำหนิ ผลไม่ได้ขนาดจะถูกเด็ดทิ้งทั้งหมด หากเกิดเหตุการณ์ภัยทางธรรมชาติคืนเงินเต็มจำนวน
นายศรีมวย อุ่นเอ้ย เกษตรผู้ขายเขียวลิ้นจี่ เปิดเผยว่า การใช้โซเชียลฯขายลิ้นจี่ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ต้องผ่านคนกลาง สามารถตั้งราคาได้ตามความเหมาะสมกับทุนที่ลงไป โดยต้นที่จะเปิดจองจะต้องมีผลอ่อนติดอย่างหนาแน่น และจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะถือว่าได้ขายให้คนอื่นไปแล้วเราต้องรักษาชื่อเสียงของตัวเองและรักษาชื่อเสียงของกลุ่มฯ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้เขากลับมาสั่งซื้อหรือจองในปีการผลิตต่อๆไป
ซึ่งสอดคล้องกับนายบุญโท เมืองแก้ว เกษตรที่เข้าร่วมโครงการฯอีกคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ต้นที่ถูกจองหรือซื้อแล้วทางกลุ่มจะดูแลรักษาอย่างดี มีการห่อช่อไว้อย่างมิดชิด เพื่อให้ผลสวย ได้ขนาด รสชาติอร่อย ส่วนที่มีตำหนิหรือไม่ได้ขนาดเด็ดทิ้งทันที
สถานการณ์ลิ้นจี่ในตำบลแม่สุก มีพื้นที่ปลูก 1,392 ไร่ ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 500กก. หรือประมาณ 1,076ตัน กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯจำนวน 25 ราย พื้นที่ปลูก 183.5ไร่ หรือ 92 ตัน ซึ่งน่าจะระบายออกสู่ตลาดทั้งหมดได้ก่อนเสร็จสิ้นฤดูการผลิตอย่างแน่นอน
( นพพร/พะเยา )
