ไม่ต้องรอวัวหายล้อมคอกครูห่วงเด็กลืมในรถเร่งหามาตรการ
วันที่ 2 ก.ค. 61 จากกรณีมีข่าวเด็กเล็ก เด็กนักเรียน ถูกลืมทิ้งไว้ในรถจนขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต เพราะเกิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้ใหญ่ ที่ทำให้เด็กน้อยหลายต่อหลายคนต้องเสียชีวิต ทั้งๆ ที่ผ่านมาเรามีอุทาหรณ์ในเรื่องนี้มาตลอด แต่ก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเศร้าสลดอีก รักลูกอยากให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสอบรถที่มีเด็กจำนวนหลายคน หรือรถรับส่งเด็กให้แน่ใจเสียก่อนว่า ถ้าเราทำอย่างเคร่งครัดต่อจะไม่มีใครสูญเสียอีก
โดยวันนี้คณะครูโรงเรียนวัดดงน้อย และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านดงน้อยได้ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลตำบลกกโก อ.เมือง ลพบุรี ลงพื้นที่ฝึกสอนเด็กๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ถูกลืมทิ้งไว้ในรถให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในเบื้องต้น โดยมีการจำลองเหตุการณ์ เด็กๆ ติออยู่ภายในรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ได้สอนการช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้น โดยวิธีแรกคือบีบแตรรถให้เกิดเสียงดังตลอดเวลาที่ติดอยู่ภายในรถ ไขกระจกลง หรือลดกระจกลง (เฉพาะรถที่ไม่ใช่เซ็นทรัลล็อค) ร้องตะโกนให้คนช่วย เปิดล็อคเพื่อเปิดประตูรถ หากกรณีดังกล่าวข้างต้นยังไม่ใครเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่สามารถลงมาจากรถได้ ให้บีบแตรรถไว้ตลอดเวลา ซึ่งเด็กๆ กว่า 100 คนเข้าใจ และสามารถปฎิบัติได้อย่างคล่องแคล่ว
นอกจากนั้นแล้วยังมีมาตรการ การป้องกันลืมเด็กภายในรถได้อีกหลายวิธี อาทิ
1. อุ้มหรือพาเด็กลงจากรถด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าพ่อแม่จะลงไปซื้อของเล็กน้อย หรือเพียงแต่เดินไปเก็บของที่กระโปรงหลังรถ เพราะเด็กมักซุกซนและไม่รู้ระบบภายในรถ เด็กอาจจะกดเซ็นทรัลล็อค เบรกมือ หรือเหยียบคันเร่ง ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้
2. เวลาเดินทางไปกับลูก เมื่อถึงจุดหมายแล้ว ต้องเช็กให้แน่ใจว่าลูกลงมายืนบนพื้นแล้วเรียบร้อย อย่าวางใจว่าลูกลงจากรถมาเองแล้ว
3. หากมีความจำเป็นจริงที่ต้องปล่อยลูกไว้ในรถ ควรลดกระจกรถทั้ง 4 ด้านลง 1/4 เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกขึ้น แต่ไม่ควรปล่อยลูกไว้นานเกิน 10 นาที
4. สอนลูกให้ให้รู้จักช่วยเหลือตัวเองเมื่อติดในรถ เช่น ให้ลูกบีบแตรรถเรียกคนมาช่วย สอนให้ลูกปลดล็อกประตู (กรณีที่เสียบกุญแจหรือสตาร์ทรถทิ้งไว้)
สำหรับรถรับส่งเด็กนักเรียนที่เป็นรถยนต์ตู้ หรือรถกระบะดัดแปลง
1. พ่อแม่ที่ใช้บริการรถรับส่งของสถานรับเลี้ยงเด็กหรือรถโรงเรียน เมื่อถึงเวลารถมาส่งลูกควรรอรับเอง เพื่อจะได้ทราบว่าลูกลงรถอย่างปลอดภัยแล้ว
2. ในรถโรงเรียนควรมีครูพี่เลี้ยง หรือมีคนดูแลเด็กนั่งมาด้วยทุกครั้ง เพื่อดูแลความปลอดภัยของเด็กๆ
3. ครูพี่เลี้ยงหรือคนขับรถควรมีสมุดเช็กชื่อเด็กเพื่อคอยตรวจสอบว่าเด็กขึ้นและลงรถครบหรือยัง
4. ครูพี่เลี้ยงและคนขับรถส่งเด็กๆ ควรเดินตรวจภายในรถอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบว่ามีเด็กคนไหนหลับหรือหลบอยู่ หรือหลับโดยที่ครูไม่ทันสังเกตหรือไม่ รวมถึงจะได้ตรวจสอบสิ่งของที่ลืมไว้บนรถด้วย
5. เมื่อเด็กลงจากรถแล้ว ก่อนจะเข้าโรงเรียน ครูพี่เลี้ยงควรเช็คชื่ออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามีจำนวนเด็กขึ้นรถและลงรถเท่ากัน เป็นการตรวจสอบย้ำว่าไม่มีเด็กคนไหนถูกลืมทิ้งไว้บนรถ
6. พ่อแม่หรือผู้ปกครองที่ต้องดูแลเด็ก หากต้องให้เด็กเดินทางไปกับรถโรงเรียนหรือรถขอบุคคลอื่น ควรโทรสอบถามครู หรือผู้ที่รับเด็กไปด้วยเป็นระยะว่าถึงที่หมายหรือยัง เด็กลงจากรถและเข้าโรงเรียนแล้วหรือยัง หรืออาจถ่ายรูปเด็กที่รับส่งทุกคนให้พ่อแม่ทราบทางไลน์กรุ๊ป ว่าลูกถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้ว
กฤษณ์ ลพบุรี