วันศุกร์, 4 ตุลาคม 2567

เดอะโอ๋!!!ตำรวจสมุทรปราการ”ตามรวบ ฟรองค์ บางขุนเทียน แก๊งอุ้มรีดเงินค่ายา”

17 พ.ย. 2018
28

เดอะโอ๋!!! ตำรวจสมุทรปราการ ตามรวบ ฟรองค์ บางขุนเทียน แก๊งอุ้มรีดเงินค่ายา

เมื่อวันที่ 17 พ.ย.61 ที่ สภ.สาขลา จว.สมุทรปราการ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง รอง ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.สาขลา พ.ต.ท.ราม รสหอม รองผกก.สส.สภ.สาขลา พ.ต.ท.ประยูร ปัตตุลี สว.สส.สภ.สาขลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สาขลาและชุดชปส.ภ.จว.สมุทรปราการ ได้ร่วมกันจับกุมนายภัทรวินท์ หรือฟรองค์ เชาว์อยชัยอายุ 20 ปี และนายชัชวาล หรือดำ นนทอ อายุ 23 ปีพร้อมด้วยของกลาง รถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริสจำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน สร้อยคอ จำนวน 1 เส้น พร้อมพระ 4 องค์ สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น นาฬิกา จำนวน 1 เรือนโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง เสือผ้าที่คนร้ายก่อเหตุ เงินสดจำนวน 10,500 บาท สมุดรับฝากเงิน จำนวน 1 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 1 ใบ

พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.61 เวลา 00.30 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาขลาจว.สมุทรปราการได้รับแจ้งจากนาย เจตนิพัฒน์ หรือหนู โคจัน ว่าได้ถูกคนร้ายก่อเหตุทำร้ายร่างกายแล้วบังคับเอาทรัพย์สินไปมี 1.สร้อยคอเชือก ข้อต่อทอง จำนวน 2 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทอง จำนวน 6 องค์รวมมูลค่า 26,000 บาท 2.สร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 3.85 กรัม ราคา 5,000 บาท 3.นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ GUESS จำนวน 1 เรือน ราคา 4,000 บาท 4.โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง ราคา 12,000 บาท 5.เงินสด จำนวน 3,000 บาท 6.รถยนต์ โตโยต้ายาริส จำนวน 1 คัน ราคา 400,000 บาทรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้ไปรวมมูลค่าประมาณ 500,000 บาทและยังได้จับตัวเพื่อนของตนชื่อนายพิพัฒน์ หรือดุ้ย สุนทรอำไพ ไปด้วยโดยคนร้ายได้ติดต่อมาแจ้งให้ตนหาเงินโอนเงินมาเป็นค่าไถ่ตัวและรถยนต์คืนเป็นจำนวน 200,000 บาท

จากการสอบสวนนายเจตนิพัฒน์ ได้ให้การว่าตนเองและนายพิพัฒน์ได้ถูกคนร้ายจำนวน 5 คนซึ่งตนจำได้ว่าคนร้าย 1 ใน 5 คือนายฟรองค์ ได้หลอกให้ตนขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า ยาริส
หมายเลขทะเบียน กข 9627 กรุงเทพมหานคร ให้มารับที่ ร้านแมคโดนัล สาขาถนนพระราม 2 แล้วให้ขับพามาส่งภายในซอยประชาอุทิศ 76 ม.2 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จว.สมุทรปราการ เมื่อมาถึงจุดที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสถานที่เปลี่ยวนายฟรองค์ได้บอกให้ตนจอดรถจากนั้นนายฟรองค์พร้อมกับพวกอีก 4 คนที่ขับรถจักรยานยนต์ 2 คันตามมาได้เข้ามารุมทำร้ายร่างกายตนและนายพิพัฒน์ด้วยการชกต่อยแล้วบังคับให้ส่งมอบทรัพย์สินให้เมื่อเอาทรัพย์สินแล้วทั้ง 5 คนได้บังคับให้ตนและนายพิพัฒน์ขึ้นไปนั่งบนรถรถยนต์โดยนายฟรองค์เป็นคนขับและเพื่อนของนายฟรองค์อีก 1 คนคอยประกบอยู่ภายในรถและอีก 3 คนได้ขับรถจักรยานยนต์ตามโดยนายฟร้องแจ้งว่าจะนำตัวไปเพื่อเคลียร์หนี้เก่าที่ค้างค่ายาเสพติด เมื่อสพโอกาสระหว่างทางตนได้กระโดดลงจากรถยนต์หลบหนีมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาขลา คงเหลือนายพิพัฒน์ที่ถูกบังคับไปกับรถยนต์คันดังกล่าว
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมทราบว่านายฟรองค์ ชื่อจริงว่านายภัทรวินท์ เชาว์อวยชัย ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนชื่อนายดำมีบ้านพักอยู่ แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร ในขณะระหว่างที่สอบสวนอยู่นั้นนายภัทรวินท์์ ได้โทรศัพท์ผ่านทางเฟสบุ๊คของนายภัทรวินท์ ชื่อเฟส Pattarawin Chaoayachai มาหาเฟส นายเจตนิพัฒน์ ชื่อเฟส “สุดหัวใจแค่ได้ฝัน”แจ้งว่าหากอยากให้ปล่อยตัวนายพิพัฒน์ และรถยนต์คืนให้นำเงินสดจำนวน 200,000 บาทที่ค้างค่ายาเสพติดให้โอนมาโดยนำเงินสดไปฝากที่ตู้รับฝากเงินด่วนโดยนายเจตนิพัฒน์ ได้ต่อรองนายฟรองค์ว่าตนเองรวบรวมเงินสดได้ 60,000 บาทและนายฟรองค์แจ้งว่าให้ไปที่ตู้รับฝากเงินแล้วโทรวีดีโอคลอมาหา
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เดินทางไปพร้อมนายเจตนิพัฒน์ ที่ตู้รับฝากเงินกสิกรไทยที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซีสาขาประชาอุทิศ แล้วโทรวีดีโอคลอหานายฟรองค์ ซึ่งนายฟรองค์ได้ให้ถ่ายภาพรอบๆตู้ฝากเงินแล้วทำการฝากเงินจากนั้นนายฟรองค์แจ้งว่าเงินจำนวน 60,000 บาท จะได้เพียงปล่อยตัวนายพิพัฒน์กลับไปส่วนรถยนต์หากอยากจะได้คืนให้โอนมาอีก 150,000 บาท จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น.นายพิพัฒน์ ได้มาพบนายเจตนิพัฒน์ ที่ สภ.สาขลา

ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สอบถามนายพิพัฒน์ จนทราบว่านายฟรองค์และนายดำพักอาศัยอยู่ที่ถนนเอกชัย แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมนายภัทรวินท์ หรือฟรองค์ เชาว์อยชัย และนายชัชวาล หรือดำ นนทอ ได้พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คันรถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส สร้อยคอ จำนวน 1 เส้น พร้อมพระ 4 องค์ สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น นาฬิกา จำนวน 1 เรือนเสือผ้าที่คนร้ายก่อเหตุ เงินสดจำนวน 10,500 บาท สมุดรับฝากเงิน จำนวน 1 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 1 ใบรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ได้คืน 409,500

จากการสอบสวนนายภัทรวินท์และนายชัชวาล ได้ให้การรับสารภาพว่านายเจตนิพัฒน์ และนายพิพัฒน์ ได้ติดหนี้ค่ายาเสพติดพวกตนอยู่หลังจากที่ทั้ง 2 มารับเสพติดไปจำหน่ายในเขต กรุงเทพมหานครแล้วไม่ยอมจ่ายพวกตนจึงได้วางแผนหลอกทั้ง 2 มาเพื่อทวงหนี้ค่ายเสพติดที่ค้างอยู่
โดยแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองว่า”ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ,ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือทำให้ปราศจากเสรีภาพ,ร่วมกันกรรโชกทรัพย์,ร่วมกันเรียกค่าไถ่ด้วยการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น,ปล้นทรัพย์
จากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สาขลา จว.สมุทรปราการ ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

Loading