วันเสาร์, 5 ตุลาคม 2567

เดอะโอ๋!!!เสี่ยหัวร้อนรุมต่อยเตะลุงวัย 52 ปีดอดมอบตัวหลังถูกกดดัน”

24 พ.ย. 2019
14

เดอะโอ๋ !!! เสี่ยหัวร้อนและพวกรุมต่อยเตะลุงวัย 52 ปีดอดมอบตัวหลังถูกเจ้าหน้าที่กดดัน


เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ที่สภ.สวนพริกไทย อ.เมือง จว.ปทุมธานี พล ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พล ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานีพ.ต.อ.ประเวทย์ ต้นสมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.สวนพริกไทย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีวัยรุ่น 3 คน นายธันวา หรือบิ๊ก ทรัพย์สินไพบูลย์ อายุ 30 ปีอยู่บ้านเลขที่ 22/2 ถ.วัฒนธรรมรามัญ 200 ปี ต.บางปรอก อ.เมือง จว.ปทุมธานี นายไพโรจน์ หรือหมุด สีทอง อายุ 34 ปีอยู่บ้านเลขที่ 89/29 หมู่ 1 ต.สามโคก อ.สามโคก จว.ปทุมธานี นายรามัญ หรือดำ คงแป้น อายุ 27 ปีอยู่บ้านเลขที่ 75/28 ม.1 ต.บางขะแยง อ.เมือง จว.ปทุมธานี และน.ส.นันท์นภัส ทิพย์กังวานวงศ์ อายุ 31 ปีอยู่บ้านเลขที่ 69/127 ม.8 ต.บางคูวัด อ.เมือง จว.ปทุมธานี ได้มามอบตัวหลังถูกเจ้าหน้าที่กดดันจากคลิปรุมทำร้ายร่างกาย นายสมบัติ นิยมมาก อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/3 ม.5 ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ได้รับบาดเจ็บตามที่เป็นข่าว

พล ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย.62 นายสมบัติ นิยมมาก อายุ 52 ปีอยู่บ้านเลขที่ 83/3 ม.5 ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จว.ปทุมธานี ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน(ร.ต.อ.เลิศวรรณ์ อุทัยนาง)ว่าเมื่อวันที่ 21 พ.ย.62 ได้นัดเจรจากับนายธันวาหรือ บิ๊ก เรื่องค้างค่าจ้างแรงงานของญาติ ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานีเมื่อตกลงและจ่ายเงินค่าจ้างกันเรียบร้อยแล้วได้ขับรถยนต์ออกจากสำนักตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี พร้อมภรรยาและลูกขณะที่นายสมบัติ ขับรถถึงใกล้แยกโรงน้ำกรุงเทพน้ำทิพย์ ม.6 ต.สวนพริกไทย อ.เมือง จว.ปทุมธานีเวลาประมาณ 11.50 น.ได้มีนายธันวาหรือบิ๊กฯขับขี่รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน กท-1514 ปทุมธานี มากับ น.ส.นันท์นภัส หรือแอมฯภรรยานายธันวาฯและนายรามัญ หรือ ดำ คงแป้น ส่วนนายไพโรจน์ หรือ หมุด สีทอง ขับขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน 4 กค-345 กรุงเทพมหานคร นำหน้ารถยนต์เก๋งของนายสมบัติเมื่อถึงที่เกิดเหตุ นายไพโรจน์ หรือ หมุดฯได้หยุดรถจักรยานยนต์ขวางทางเดินรถของนายสมบัติและนายธันวาหรือ บิ๊กฯ ได้หยุดรถปิดท้ายรถ นายสมบัติ จากนั้นนายธันวา ลงจากรถมากระชากประตูรถนายสมบัติ ดึงตัวลงจากรถ และนายรามัญฯลงจากรถเข้าร่วมจับล๊อคแขนนายสมบัติไว้ นายธันวาฯได้ใช้หมัดชกและใช้เท้าแตะทำร้ายผู้เสียหายจำนวนหลายครั้ง จากนั้นได้ขับรถหลบหนีไป

พล ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวต่อว่าเมื่อวันที่ 22 พ.ย.62 นายธันวา หรือ บิ๊กฯ นายไพโรจน์ หรือ หมุดฯ และนาย รามัญ หรือ ดำฯซึ่งถูกทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามกดดันอย่างหนักจึงทนไม่ไหวได้ติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานสอบสวนได้รับตัวและได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนตามกฎหมายไว้แล้วส่วน น.ส.นันท์นภัส หรือ แอม ภรรยาของนายธันวาหรือบิ๊กฯได้ติดต่อเข้ามาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแล้วโดยแจ้งว่าไปร่วมงานแต่งงานของญาติที่ จว.หนองบัวลำภู หลังเสร็จงานแล้วจะรีบเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวน นายธันวาหรือบิ๊กฯได้ให้การรับสารภาพว่าไม่พอใจและโกรธนายสมบัติฯที่ได้นำเรื่องค้างค่าจ่ายค่าแรงของญาตินายสมบัติฯมาแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองปทุมธานีจึงร่วมกันกระทำผิดดังกล่าว.

พล ต.ต.ธนายุตม์ เปิดเผยว่า เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุที่เผยแพร่ทางโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่เหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย รุกแก่อำนาจ ซึ่งผู้เสียหายก็อายุมากแล้ว เบื้องต้นผมได้สอบถามทราบว่ามีบางส่วนที่รับสารภาพ บางส่วนให้การภาคเศษ แต่อย่างไรก็ตามก็เป็นคำให้การของผู้ต้องหา ผมได้สั่งให้พนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับมูลเหตุที่แท้จริงในประเด็จที่ว่าทำไม่ถึงได้ก่อเหตุอย่างนี้ แล้วมีพฤติการณ์อย่างนี้ทำให้สังคมเดือดร้อน และขอบคุณผู้ที่ถ่ายคลิปขณะที่เกิดเหตุไว้ด้วยถ้าไม่มีภาพคลิปเราคงไม่เห็นเหตุการณ์ที่อุกอาจแบบนี้ด้วย มีการต่อยประมาณ 8 ครั้ง เตะ 9 ครั้ง มีเพื่อนผู้ก่อเหตุล๊อกตัวให้ทำร้าย ล้มลงยังซ้ำเติมอีก ฝากถึงผู้เสียหายและญาติผู้เสียหายวันนี้เราจะดำเนินคดีให้ความเป็นธรรม หากผู้เสียหายท่านอยากจะให้ตำรวจดูแล สามารถติดต่อมาได้ทางตำรวจจะดูแลความปลอดภัยให้ท่านเป็นอย่างดี นอกจากนี้ต้องขอบคุณฝ่ายสืบสวนที่ติดตามและกดดันได้เร็ว เพราะว่าสังคมติดตามและจับจ้องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากพบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้ให้ดำเนินการทั้งหมด

การปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ“กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่อุกอาจ เหิมเกริม ก่อเหตุอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
ในนามของตำรวจภูธรภาค1 จึงขอชมเชยและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

Loading