วันศุกร์, 4 ตุลาคม 2567

เดอะโอ๋!!!นำทีมสืบสวนรวบ เสี่ยไฮ้ พร้อมสมุน”

25 ธ.ค. 2019
12

เดอะโอ๋ !!! นำทีมสืบสวนบุกรวบ เสี่ยไฮ้ พร้อมสมุน


วันที่ 25 ธ.ค.62 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1)พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 (สส) / เอราวัณ 3 พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ รอง ผบช.ภ.1 / เอราวัณ 5 พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ศุภากรณ์ จันทาบุตร รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.อมร ศรีทุนะโยธิน รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.กิตติ สุขสมภักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 294/2562 ลง 24 ธันวาคม 2562 และนายนิวัฒน์ หรือแจ๊ค เฉลิมวัฒน์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 293/2562 ลง 24 ธันวาคม 2562 ในข้อหา”ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออำพลางคดี” โดยจับกุมตัวได้ที่บริษัทห้าดาวเคมีภัณฑ์ จำกัด ตำบลพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย.59 นางลั่นทม วงษ์สิงห์ อายุ 57 ปีได้ เดินทางมาที่สภ.พระพุทธบาทเพื่อแจ้งความคนหายเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามตัว น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 33 ปีซึ่งเป็นลูกสาวของตนหลังได้หายตัวไปและไม่สามารถติดต่อได้อีกเลยตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.59 จนกระทั่งในช่วงเช้าวันที่ 9 ธ.ค.62 เวลาประมาณ 08.00 น.ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองโดนได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าพบรถยนต์จมน้ำอยู่กลางคลองชลประทาน ชัยนาท-ป่าสัก ต.บ้านโป่ง อ.หนองโดน จว.สระบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์จมอยู่กลางคลองชลประทาน ชัยนาท-ป่าสัก จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นพบรถหมายเลขทะเบียน 4กฐ-6348 กรุงเทพมหานครโผ่พ้นน้ำจึงได้ให้หน่วยกู้ภัยลากขึ้นมาจากน้ำจากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าวพบดินโคลนอยู่เป็นจำนวนมากและพบผ้าปูที่นอนห่อโครงกระดูกมนุษย์ เสื้อผ้า เอกสาร บัตรพร้อมสิ่งของต่างๆเป็นจำนวนหลายรายการ

พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวต่อว่า ได้นำชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์ที่พบในรถที่จมน้ำส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ตรวจพิสูจน์รูปแบบสารพันธุกรรม(ดีเอ็นเอ)ผลการตรวจพิสูจน์พบว่าชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์ที่พบในรถจมน้ำเทียบกับนางลั่นทมมีความสัมพันธ์เป็นมารดาและบุตรกันตามหลักการถ่ายทอดพันธุกรรม 99.995 % และตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวพบว่าชื่อน.ส.กลิ่นเกษรเป็นผู้ครอบครองส่วนเสื้อผ้าและเอกสารรวมทั้งบัตรต่างๆที่ระบุเป็นของน.ส.กลิ่นเกษรอยู่ภายในรถจึงยืนยันได้ว่าโครงกระดูกที่พบในรถคือน.ส.กลิ่นเกษร

พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 กล่าวว่าจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าน.ส.กลิ่นเกษร ได้คบหาเป็นสามีภรรยากับนายสันติ และภายหลังมีเหตุขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันเรื่อยมาสาเหตุมาจากเรื่องความหึงหวงแล้วได้หายตัวไป ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่เก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆสอบปากคำพยานบุคคลและนำภาพกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกฆาตกรรมโดยใช้ผ้าปูที่นอนในออฟฟิศภายในบ้านของนายสันติ มัดพันห่อศพผู้ตายไว้ โดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตายที่แน่ชัด แล้วนำศพผู้ตายมาทิ้งน้ำเพื่ออำพรางคดี
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบก.สส.ภ.1 ได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนเสนอต่อศาลจังหวัดสระบุรีขออนุมัติหมายจับนายสันติและนายนิวัฒน์หรือแจ็ค ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของนายสันติ เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดและสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว ทั้งนี้นายสันติและนายนิวัฒน์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พล.ต.ต.สุภธีร์ กล่าวต่อว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 จะสืบสวนขยายผลและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไปพร้อมทั้งยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและอาชญากรรมอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อให้พื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 1 เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างสุดความสามารถ ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

ในนามของตำรวจภูธรภาค1 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย และขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

Loading