วันพฤหัสบดี, 3 ตุลาคม 2567

เดอะโอ๋”นำทีมสืบภาค 1” รวบจ.ส.อ.มือยิงสาวผมทอง

29 เม.ย. 2020
16

เดอะโอ๋ !!! นำทีม สืบสวนภาค 1 รวบ จ.ส.อ. ยิงศีรษะสาวผมทอง โยนศพทิ้งในคลอง ยอมรับสนิทกันเชิงชู้สาว

วันนี้ 28 เม.ย.63 เวลาประมาณ 10.00 น.ที่สภ.โพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จว.อ่างทอง พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 (สส) / เอราวัณ 3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.เลิศชาย จำปาทอง รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.สราวุธ ศรีชัย รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.มงคล ภูวประภาชาติ รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.ประเสริฐ หนูดี ผกก.สภ.โพธิ์ทองและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 1 คน จ.ส.อ.กิตติศักดิ์ หรือ หวาน เครือทอง อายุ 45 ปีอยู่บ้านเลขที่ 183/1005 ถ.สรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลมณฑลทหารบกที่ 13 (ลพบุรี) ที่ 188/2563 ลง 14 เมษายน 2563 ในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
พล.ต.ต.ธนายุตม์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 13 พ.ย.61 ร.ต.อ.สมชัย ภูลิลิตร รองสารวัตรสอบสวน สภ.โพธิ์ทอง ได้รับแจ้งจาก นายประดิษฐ์ ผลดี อายุ 60 ปี คนขับรถแบคโฮของกรมชลประทาน ว่าระหว่างที่กำลังขุดลอกวัชพืชในคลองชลประทาน พบศพผู้เสียชีวิตลอยอยู่ในคลองชลประทาน 3 ซ้ายหมู่ 2 ต.บางระกำ อ.โพธิ์ทอง จว.อ่างทองจึงรีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์ทอง เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลโพธิ์ทอง และเจ้าหน้าที่สมาคมวีอาร์กู้ภัยอ่างทอง ที่เกิดเหตุในคลองชลประทาน พบศพผู้เสียชีวิตลอยอยู่ในน้ำ

จากการสอบสวน นายประดิษฐ์ ให้การว่า ตนเป็นลูกจ้างของกรมชลประทาน ได้นำรถแบคโฮมาทำการขุดลอกวัชพืชที่ขึ้นอยู่ในลำคลอง เพื่อเปิดทางน้ำและกำจัดวัชพืชให้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ ระหว่างที่กำลังขุดลอกวัชพืชในคลองอยู่นั้น สังเกตเห็นว่ามีอะไรลอยอยู่ ตอนแรกคิดว่าเป็นถุงขยะ จึงคิดว่าเมื่อใกล้จะถึงทางตันก็จะตักขึ้น เนื่องจากจะต้องตักวัชพืชขึ้นมาอยู่แล้ว เมื่อถึงทางตันได้ตักวัชพืชขึ้นมา พบมีลักษณะคล้ายคนหรือหุ่นก็ยังไม่ทราบ จึงเรียกชาวบ้านที่มาหาปลาและนำวัชพืชไปใช้ประโยชน์มาช่วยกันดู พบว่าเป็นศพผู้เสียชีวิตลอยน้ำจึงได้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตเป็นหญิง อายุประมาณ 40 – 45 ปี สูงประมาณ 165 เซนติเมตร สวมใส่ชุดกีฬาสีขาว ที่นิ้วกลางและนิ้วนางมือซ้าย สวมแหวนทองนิ้วละ 1 วง ที่นิ้วกลางมือขวาสวมแหวนเงิน 1 วง พร้อมอัญมณี ที่เล็บโรยกากเพชรสีเงินและที่บริเวณศรีษะมีผมเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ที่ขมับซ้ายมีร่องรอยเหมือนถูกอาวุธปืนยิงทะลุหลังใบหูขวา คาดว่าผู้เสียชีวิต เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4 -5 วัน เนื่องจากสภาพศพได้เน่าเปื่อยขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นจนจำสภาพไม่ได้
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติเพื่อทำการตรวจหาอัตลักษณ์บุคคล และประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงให้ทำการตรวจสอบว่ามีการแจ้งบุคคลหายไว้หรือไม่

พล.ต.ต.ธนายุตม์กล่าวต่อว่า จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ลงพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเก็บวัตถุพยานหลักฐานต่างๆ สืบสวนจนกระทั่งทราบชื่อผู้ตาย โดยได้นำสารพันธุกรรม ตรวจเปรียบเทียบ กับมารดาของผู้ตาย จากนั้นจึงทำการสืบสวนหาข้อมูลและพยานหลักฐานจนกระทั่งสืบทราบได้ว่าคนร้าย ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ คือ จ.ส.อ.กิตติศักดิ์ เครือทอง อายุ 45 ปี รับราชการทหารสังกัดกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ตำแหน่งช่างเขียน ประจำแผนกเตรียมการการศึกษา โรงเรียนแผนที่ทหาร พนักงานสอบสวน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 13 ในความผิดฐาน”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”เพื่อขออนุมัติออกหมายจับ ซึ่งได้มีหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดของ จ.ส.อ.กิตติศักดิ์ ที่รับราชการทหาร ต่อมาทางต้นสังกัด ได้ติดต่อพนักงานสอบสวนขอส่งตัวจ.ส.อ.กิตติศักดิ์ ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์ทอง พร้อมกับ นายทหารพระธรรมนูญ และทนายความ

จากการสอบสวน จ.ส.อ.กิตติศักดิ์ เบื้องต้น ยอมรับว่าตนรู้จักและมีความสนิทในเชิงชู้สาวกับผู้ตาย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอที่จะรู้สาเหตุที่ทำให้ผู้ต้องหาคิดก่อเหตุในครั้งนี้ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน สภ.โพธิ์ทอง ภ.จว.อ่างทอง หลังจากพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเสร็จแล้ว ก็จะนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปฝากขังที่เรือนจำ มทบ.13 จังหวัดลพบุรี เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

ในนามของตำรวจภูธรภาค1 ได้ฝากถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต ว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย และขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

Loading