วันที่ 29 มิ.ย.63 ที่หน้าห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาตรี จันทร์วีระชัย รอง ผวจ.นครพนม นายสมลักษณ์ ยกน้อยวงษ์ นายอำเภอเมืองนครพนม พ.ต.ท.ชิษณุพงษ์ ทองเกื้อ ผบ. ร้อยตชด. 236 ร่วมแถลงว่า เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด จังหวัดนครพนม ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา คือ นายวีระพงษ์ หรือโหล เหง้าน้อย อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 139/1 ม.3 ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นายวิชัย หรือเบียร์ นิวงษา อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 38/2 ม.2 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวม 42,489 เม็ด ยาไอซ์ หนัก 52.40949 กรัม โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น CBR150 สีส้ม ทะเบียน 1 กฆ 4566 นครพนม เงินสด 500,000 บาท โฉนดที่ดิน 27 ไร่ มูลค่า 925,000 บาท โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้เข้าทำการตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 38/2 ม.2 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นบ้านพักของนายวิชัยฯ โดยมีนางสายสมร นิวงษา (มารดาของนายวิชัยฯ) นางสาวจารุณี แก้วนิวงศ์ (พี่สะใภ้) เป็นผู้นำตรวจค้น นายวิชัย ชฎา ผู้ใหญ่บ้าน เป็นพยานในการตรวจค้น ซึ่งผลการตรวจค้นและตรวจยึดและตรวจยึดทรัพย์สินที่คาดว่าได้มาจากการค้ายาเสพติด จากนั้น นำตัวนายวีระพงษ์ฯ พร้อมของกลางทั้งหมดมาที่ ที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม เพื่อทำกาตรวจสอบและขยายผล จัดทำแผนที่สังเขปสถานที่จับกุม และทำการตรวจยาบ้าต่อหน้าผู้ต้องหา
สืบเนื่องจากการจับกุม นายกิตติศักดิ์ หรือโก้ ก่ำเสริฐ โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ที่บริเวณสุสานกตัญญูท่าอุเทน ผู้ถูกจับสมัครใจยินยอมให้ข้อมูลแก่เจ้าพนักงานชุดจับกุม เพื่อหวังสิทธิ์ลดหย่อนตาม พรบ.ยาเสพติดให้โทษ 2522 มาตรา 100/2 ว่าตนมีนห้าที่ในการลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับนายวิชัย หรือ เบียร์ นิวงษา ชาวบ้านรามราช ม.2 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม อยู่เป็นประจำ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้มอบหมายให้นายประพันธ์ศักดิ์ บุตรรัตน์ ปลัดอาวุโส ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่วางแผนเพื่อทำการจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ให้นายกิตติศักดิ์ หรือโก้ ก่ำเสริฐ โทรศัพท์ติดต่อกับนายวิชัย หรือ เบียร์ นิวงษา เพื่อถามว่ามีงานให้ทำหรือไม่ นายวิชัยฯ ตอบกลับว่าสั่งไว้แล้วเย็นนี้มีงานให้ทำ ท้าวมา ชาว สปป.ลาว ได้ติดต่อมายังนายกิตติศักดิ์ฯ ว่าได้ติดต่อนายวีระพงษ์ฯ เพราะยาบ้าที่สั่งซื้อไว้อย่ที่นายวีระพงษ์ฯ และนายวีระพงษ์ฯ กำลังออกไปรอรับยาเสพติด (ยาบ้า) อยู่ที่จุดเดิม บริเวณศาลเจ้าแม่มณีธรรม พื้นที่ ม.3 ต.ท่าอุเทนฯ จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่ซุ่มบริเวณโดยรอบ พบนายวีระพงษ์ฯ มายังจุดนัดหมายพร้อมกล่องกระดาษ 1 กล่อง เจ้าหน้าที่ฯ จึงแสดงตัวพร้อมเข้าทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่จุดจำกุมแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการจับกุมตัว นายวีระพงษ์ฯ พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงให้นายกิตติศักดิ์ฯ พาเจ้าหน้าที่ไปวางกำลังดักซุ่มที่จุดนัดหมาย เส้นทางถนนลูกรังระหว่างบ้านหนองไฮ-รามราช กำลังที่เหลือเป็นกำลังสนับสนุนอยู่รอบนอก ต่อมาพบนายวิชัยฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว มาจอดยังจุดนัดหมาย ชุดสนับสนุนได้ให้นายกิตติศักดิ์ฯ โทร.หานายวิชัยฯ บอกว่ามาถึงจุดนัดพบแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดสนับสนุนจึงให้ชุดดักซุ่มทำการจับกุมตัวนายวิชัยฯ เจ้าหน้าที่ชุดสนับสนุนแจ้งชุดดักซุ่มเข้าทำการจับกุม นายวิชัยฯ ขัดขืนไม่ยินยอม พร้อมจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนี เจ้าหน้าที่ฯ เข้าทำการสกัดการหลบหนี จนนายวิชัยฯ ล้มลงพร้อมจักรยานยนต์และวิ่งหลบหนีไปยังทุ่งนาด้านทิศตะวันตกของถนนลูกรังระหว่างบ้านหนองไฮ – รามราช ซึ่งมีน้ำขัง แต่เนื่องจากบาดเจ็บจากจักรยานยนต์ล้ม ทำให้ไม่สามารถหลบหนีไปได้ไกล ประกอบกับพบว่ามีเจ้าหน้าที่วิ่งติดตามจับกุม จึงหันหลังกลับมายังเจ้าหน้าที่พร้อมกับมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า คล้ายกับการชักอาวุธเพื่อทำการต่อสู้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตัดสินใจยิงสกัดลงในน้ำ เพื่อข่มขู่มิให้หลบหนีและต่อสู้ ทำให้นายวิชัยฯ ยอมให้เข้าจับกุม เมื่อทำการตรวจค้นตัวนายวิชัยฯ พบว่ามีอาการบาดเจ็บและเลือดซึมบริเวณแขนด้านขวา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงสอบถามเบื้องต้นนายวิชัยฯ ให้การรับสารภาพว่า นัดหมายเพื่อรับมอบยาเสพติดจริง จากนั้นได้นำนายวิชัยฯ ส่ง รพ.นครพนม และทำการตรวจยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว. เทพพนม. รายงาน