ชาวบ้านนำเต็นท์ขอความเห็นใจหลังสปก.นำรถแบคโฮเตรียมเข้ารื้อถอนต้นปาล์มน้ำมันกว่า 900 ไร่ อ้างไม่รู้เป็นที่ สปก.หลังซื้อต่อจากบริษัทเอกชน เผยขอให้ธรรมนัสช่วย
วันที่ 20 กค.63 ที่สวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 3 ต.เขาพนม อ.เขาพนม จ.กระบี่ ชาวบ้านในพื้นที่ได้นำเต็นท์ โต๊ะเก้าอี้ มาตั้งบริเวณทางเข้าสวนปาล์มน้ำมันแปลงที่ สปก.กระบี่ ได้นำรถแบคโฮเข้ามาเพื่อที่จะทำลายต้นปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 973 ไร่ ตามแผนการนำพื้นที่เป้าหมายมาจัดสรรที่ดินให้กับผู้ยากไร้ ซึ่งทางชาวบ้านรวมกว่า 30 คน ได้ขึ้นป้ายระบุว่า พวกเราทุกคนไม่รู้ว่าเป็นที่ สปก. หยุด การล้มต้นปาล์มน้ำมันไว้ก่อนเพื่อตรวจสอบ ความจริง เป็นต้น ซึ่งมีทาง สปก.กระบี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เขาพนม เข้ามาในพื้นที่และเข้าชี้แจงชาวบ้าน
สำหรับการเข้ารื้อถอนต้นปาล์มน้ำมันแปลงดังกล่าว ทาง สปก.กระบี่ เผยว่า เป็นพื้นที่เป้าหมายเนื้อที่ 973-0-03 ไร่ โดยได้มีพระราชกฤษฏีกาเมื่อวันที่ 31 ธค.31 ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ต่อมาคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ มีมติสั่งให้เกษตรกรสิ้นสิทธิ์การเข้าทำประโยชน์ เนื่องจากผู้เข้ามาครอบครองจำนวน 34 ราย เข้ามาภายหลังจากบริษัทแจ้งคืนพื้นที่จำนวน 973 ไร่ ทาง สปก.กระบี่ ได้อาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 36/2559 กำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมายเพ่อจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้ยากไร้รายละ 5 ไร่ จึงนำเสนอ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)พิจารณาให้ความเห็นชอบดำเนินการ
โดยทาง สปก.ได้เปิดประมูลขุดล้มต้นปาล์มแปลงดังกล่าว ตั้งราคากลางไว้ที่ 2,965,100 บาท มีเอกชนเข้ามาประมูลในราคา 1,355,000 บาท จึงได้ให้เข้าดำเนินการในวันนี้ แต่ก็มีชาวบ้านมาตั้งเต้นท์ขึ้นป้าย จึงได้เจรจากันเพื่อทำความเข้าใจ
ด้านนายอุสาห์ ชาสวัสดิ์ 1 ในชาวบ้านที่ซื้อที่ดิน เผยว่า ได้ซื้อที่ดินจำนวนสิบกว่าไร่เมื่อปี 2559 ร่วมกับชาวบ้านรวม 34 คน จากบริษัทเขาพนมแพลนเตชั่นในราคาไร่ละ 6 หมื่นบาท โดยไม่ทราบว่าเป็นที่ สปก. จนมาทราบหลังมีการเข้าปักป้ายว่าเป็นที่ดิน สปก.แปลงใหญ่และมีการเพิกถอนสิทธิผู้ครอบครองที่เป็น นอมินี ให้บริษัทดังกล่าว จึงได้ยื่นเรื่องต่อ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรซึ่งรับปากว่าจะช่วยเหลือหลังจากได้เดินทางมาที่ อ.เขาพนมเมื่อปี 62 แต่ทุกอย่างก็เงียบ จนวันนี้มีการนำรถเข้ามาเพื่อทำลายต้นปาล์ม จึงได้นำเต็นท์มาตั้งเพื่อขอความเห็นใจอย่าเพิ่งทำลาย เพราะหากทำลายต้นปาล์ม พวกตนที่กู้หนี้ยืมสินมาซื้อก็จะเดือดร้อนอย่างหนัก
ทั้งนี้เบื้องต้นทาง สปก. ได้เจรจากับทางชาวบ้าน โดยได้เชิญหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง อำเภอเขาพนม ผู้นำท้องถิ่น เพื่อมาทำความเข้าใจถึงเหตุผลความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการเจรจาว่าจะเข้ารื้อถอนเลยหรือไม่
กระบี่///ณัฏฐพงษ์. ศรีปล้อง รายงาน