วันจันทร์, 23 ธันวาคม 2567

ตำรวจประจวบฯขอหมายจับ”บิ๊ก”ข้าราชการสำนักงานจังหวัด เอี่ยวลูกจ้าง”ยอดทะลุ 40 ล้าน

ตำรวจประจวบฯขอหมายจับบิ๊กข้าราชการสำนักงานจังหวัด เอี่ยวลูกจ้างโกงงบหลวงยอดทะลุ 40 ล้าน

กรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการ 39.2 ล้านบาท จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเลคทรอนิคส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และ พบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็ครวม 165 ครั้ง ขณะนี้ถูกควบคุมตัวจากการฝากขังผัดที่ 3 ในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์

 

วันที่ 21 กรกฎาคม นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีการทุจริตอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงในระดับจังหวัด ภายหลังแต่งตั้งนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล ปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธานฯคาดว่าจะสรุปผลได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับสาเหตุมีการรายงานผลการสอบสวนล่าช้า หลังพบการทุจริตตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2563 เนื่องจากจะต้องขอให้ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ระบบเทคโนโลยีด้านสารสนเทศจากส่วนกลางร่วมสอบสวนและให้ข้อมูล แต่เบื้องต้นยืนยันว่าพนักงานราชการ ได้กระทำการทุจริตโอนเงินในระบบเพื่อนำไปเล่นการพนันออนไลน์เพียงรายเดียว และ หลังจากได้ผลสรุปจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว จะมีการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและทางละเมิดกับหัวหน้าสำนักงานจังหวัด หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ หัวหน้างานการเงินและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการลงนามเบิกจ่ายทุกราย

“ เนื่องจากอาจมีข้อบกพร่องในการปฎิบัติหน้าที่ โดย ไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดแนวทางไว้สำหรับผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ ส่วนตัวยันยันว่าไม่หนักใจ หากการเบิกจ่ายเกี่ยวข้องกับความบกพร่องของบุคคลใด ก็ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายกับงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งกรมบัญชีกลางได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการชดใช้ความเสียหายไว้แล้ว” นายพัลลภ กล่าว

 

นายพัลลภ กล่าวอีกว่า ทราบว่าเร็วๆนี้กรมบัญชีกลางจะทบทวนการใช้ระบบ GFMIS ภายหลังพบการทุจริตจากการโอนเงินในระบบ ซึ่งถือเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดนั้น จะดูแลรับผิดชอบตามที่ระเบียบได้กำหนดไว้และต้องปฏิบัติตามขั้นตอน ซึ่งไม่ใช่อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเข้าไปตรวจสอบ เนื่องจากงบประมาณทั้งหมดอยู่ในระบบที่กรมบัญชีกลางได้กำหนดไว้ในระบบสารสนเทศ ขณะที่พนักงานราชการไม่มีสิทธิที่จะเข้าระบบดังกล่าวได้โดยพลการ สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นได้สั่งการให้นางประชิต วงค์ประภารัตน์ หัวหน้างานการเงินหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น สำหรับบุคคลอื่นต้องรอผลการสอบสวนทางวินัยและทางละเมิด

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงจากทีมสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ( ภ.จ.)ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ สรุปส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในความผิดของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ แต่ขณะนี้ ป.ป.ช.จังหวัดได้ส่งสำนวนกลับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการทางคดีอาญา จากนั้นทีมพนักงานสอบสวนได้ประชุมเพื่อสรุปแนวทางส่งให้ ปปป. ปปง. และ ปอท. ที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยพบว่ามียอดเงินที่ทุจริตมีมากกว่า 40 ล้านบาท

“ สำหรับลายมือชื่อของข้าราชการ 4 ราย ในสำนักงานจังหวัดที่ปรากฏในเช็คงบประมาณจังหวัด 78 ใบ ได้ส่งให้สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตรวจว่าเป็นการลงลายมือชื่อจริงหรือมีการปลอมแปลง โดยขออนุมัติศาล จ.ประจวบคีรีขันธ์ ออกหมายจับข้าราชการระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องบางรายที่มีเจตนาร่วมทุจริตในคดีอาญา จากการมอบรหัสผ่านและสมาร์ทการ์ดให้พนักงานราชการกระทำการทุจริต และเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายไม่เชื่อว่าเช็คจำนวนมาก จะมีการลงลายชื่อปลอมทั้งหมด เพื่อนำไปเบิกจ่ายกับธนาคารกรุงไทย สาขาประจวบคีรีขันธ์ซึ่งมีระบบการตรวจสอบที่เข้มงวด “ แหล่งข่าวระบุ

พิสิษฐ์ รื่นเกษม/ข่าว/จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

Loading