วันจันทร์, 23 ธันวาคม 2567

มุกดาหาร”ทนายพร้อมลูกความร้องศูนย์ดำรงธรรม”แจังความเอาผิด

มุกดาหาร ทนายพร้อมลูกความร้องศูนย์ดำรงธรรมแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ กอ รมน
มุกดาหาร – ทนายความพร้อมลูกความร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร และเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองมุกดาหาร เอาผิดเจ้าหน้าที่ กอ. รมน. ข่มขู่ เรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นพิจารณาของศาล

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 63 นายวณัฐ โคสาสุ ทนายความ พร้อมนางประใส ใจเดียว ผู้เสียหาย อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 334 ถนนพิทักษ์สันติราษฎร์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร กรณีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นศาล

สืบเนื่องจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร ได้มีหนังสือเชิญนางประใส ใจเดียว มาให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. เนื่องจาก นางพิมลพรรณ ฐิติวานนท์ ได้มาร้องทุกข์ต่อ กอ.รมน. ซึ่งเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยคดีดังกล่าวอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลนั้น ต่อมานายวณัฐ ฯ ในฐานะทนายความผู้รับผิดชอบดูแลคดีดังกล่าว ได้รับมอบหมายให้เข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจต่อ พันเอกพรเทพ ชิ้นสุวรรณ รอง ผอ.กอ.รมน. (ฝ่ายทหาร) เพื่อแจ้งให้ทราบว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีข้อพิพาทกันระหว่างเอกชนต่อเอกชน ซึ่งพิพาทกันด้วยเรื่องทางแพร่ง และคดีดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของชั้นศาลแล้ว ดังนั้นคดีดังกล่าวจึงมิใช่คดีความมั่นคง ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจที่ กอ.รมน. จะเข้ามาสอบสวนข้อเท็จริง หรือทำการไกล่เกลี่ยได้ การที่ กอ.รมน. จังหวัดมุกดาหาร ได้ออกหนังสือเชิญ นางประใสฯ ซึ่งเป็นมารดาของ นางสาววิณิน ใจหนักแน่น โจทก์ในคดีดังกล่าว เข้าพบเพื่อให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการออกหนังสือโดยไม่ชอบ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจกระทำได้

ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปยังห้องพบ รอง ผอ.กอ.รมน. และนางพิมลพรรณ ฐิติวานนท์ ผู้ร้องทุกข์ และบุตรชาย และยังพบว่ามีบุคคลอื่นอีกเป็นผู้หญิงไม่ทราบชื่อ แต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร แต่ได้ปกปิดป้ายชื่อ และไม่ได้แนะนำตัวว่าเป็นผู้ใด และมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับคดีนี้ พูดภาษาไทยไม่ชัดเจน และใช้คำพูดรุนแรงก้าวร้าวมีท่าทีลักษณะข่มขู่คุกคาม อยู่ร่วมในการพูดคุยด้วย และได้ถามว่า “ ได้รับค่าจ้างในการทำคดีนี้มากี่ล้านบาท “ ที่นี่คือห้อง กอ.รมน. นะ ไม่ใช่ศาลนะ “ และ “ รู้ไหมว่านี่เป็นคดีความมั่นคงนะ ไม่ใช่คดีปกติธรรมดาทั่วไป ” เป็นต้น
ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวโดยร่วมกันกับผู้หญิงคนดังกล่าว ทำให้ผู้เสียหายได้เกิดความเสียหาย เนื่องจากเป็นการข่มขู่คุกคาม โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย กักขังหน่วงเหนี่ยวให้เสียอิสรภาพ บังคับขู่เข็ญให้ส่งมอบเอกสารประจำตัว โดยไม่มีเหตุอันควร

นายวณัฐ โคสาสุ ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ได้มาแจ้งความลงบันทึกประจำวันซึ่งตนเองเป็นทนายมีลูกความได้ว้างว่าความในคดีแพ่ง และเป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชน เรืองการรุกล้ำที่ดินกัน ฟ้องขับไล่รื้อถอนอาคาร แต่ฝ่ายจำเลยเขาไม่ได้ไปจ้างทนายที่จะไปยื่นการต่อสู้คดีในชั้นศาล เขาใช้วิธีการไปยื่นคำร้องต่อ กอ.รมน. เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้แล้วก็เรียกลูกความเข้าไปสอบปากคำ แต่ซึ่งจริง ๆ แล้วทาง กอ.รมน. มีหนังสือแงมาเป็นการออกหนังสือโดยไม่มีอำนาจ ว่าคดีนี้มันไม่ใช่คดีความมั่นคง เป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนและเอกชน เป็นเรื่องทางแพ่ง อีกทั้งคดีนี้เป็นข้อพิพาทที่อยู่ในชั้นศาลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหน่วยงานอื่นก็ไม่มีอำนาจ แต่ทางลูกความเกิดความหวาดกลัว เกรงว่าจะมีปัญหาของทางราชการ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารด้วย ก็เลยมีการขอร้องให้เข้าไปพบปะพูดคุยกัน เหน้าที่ กอ.รมน. เข้าใจถูกต้องชัดเจน ปรากฏว่าเข้ามาพบท่าน สิ่งที่เกิดขึ้นพบกับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งแต่งกายด้วยชุดทหารเต็มยศ มีการพูดจาข่มขู่คุกคามไม่ไห้เกียรติ และก็มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว มีกรใช้คำพูดข่มขู่ กดดันต่าง ๆ นานา ทำให้ลูกความเกิดความกลัว และที่สำคัญมีการไล่ให้ตนเอง ซึ่งเป๋นทนายความออกจากตัวความ ปล่อยให้ตัวความอยู่ตามลำพัง และห้องก็เป็นการควบคุมของทหาร ทางตัวผมและทางตังความเกิดความรู้สึกหวาดกลัว ก็เลยทำให้ผมกับลูกความต้องแยกกัน เขาไม่บอก บอกแต่ว่าให้ออกไปก่อน ด้วยความว่ามีทหารเต็มห้อง และเกรงใจก็เลยออกจากไปก่อน โดยจริง ๆ แล้วด้วยมารยาททนายความไม่สามารถแยกตัวความกับทนายความออกได้

นายวณัฐ โคสาสุ ทนายความ กล่าวต่ออีกว่า ดังนั้นคำสั่งตรงนี้เป็นคำสั่งโดยไม่ชอบ ปัญหามาทราบในภายหลัง สุภาพสตรีที่แต่งตัวคล้ายทหารเต็มยศ พูดภาษาไทยไม่ชัด เข้าใจว่าน่าจะเป็นคนที่ไม่ใช่สัญชาติไทย และไม่มีอำนาจที่จะแต่งกายด้วยชุดทหาร และไปอยู่ในห้องทหาร อยู่ต่อหน้าท่าน พันเอก ซึ่งเป็น รอง ผอ. ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงของชาติ มองว่าตรงนี้เป็นความเสียหายต่อทางราชการและได้มาแจ้งความตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน นางประใส ใจเดียว ผู้เสียหาย กล่าวว่า ในวันนั้นได้เข้าไปในห้อง กอ.รมน. มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดทหาร พูดจาไม่สุภาพ ลพยายามข่มขู่จะให้เรายอมรับฝ่ายเดียว โดยไม่ฟังเหตุผล บางส่วนบางตอนก็ได้ถามเกี่ยวกับคดีความที่อยู่บนศาล ทางตนเองก็ตอบไปว่าอยู่ที่ทนาย ทำไมที่นี่เขาไม่ตรวจสอบละเอียด แต่ก่อนเรียกป้ามาสอบป้าก็ให้รายละเอียดไม่ชัดเจน เพราะคนที่เจ้าของที่ดินก็คือลูกสาว ก็บอกว่าทำไมไม่รู้โกหกหรือเปล่า นิสัยแบบนี้อย่าเอามาใช้ในที่ตรงนี้ รู้หรือเปล่าที่ตรงนี้มันคือสถานที่ราชการโกหกไม่ได้ เพราะตรงนี้มีกล้องวงจรปิด บันทึกข้อความทุกข้อความ เสร็จแล้วก็บอกว่าที่ดินตรงนี้มันเป็นแบบนี้ ซึ่งฟังดูแล้วมันไม่น่าจะใช่ไปไกล่เกลี่ย เหมือนกับว่าไปขู่ตะคอก ให้เรายอมรับฝ่ายตรงกันข้าม ถ้าเป็นแบบนี้ทำไมไม่ดูเอกสารที่ทนายความถือมาด้วย ซึ่งเนื้อหาบางตอนก็อาจจำไม่ได้ อาจจะมีความผิด เอกสารก็พร้อม เขาบอกว่าทำไมไม่มา ทาง กอ.รมน. ส่งเอกสารไปให้ทำไมไม่มา บอกว่าให้ทนายมาแทน แต่ถ้าต้องการสอบถามก็เต็มใจที่จะมา และได้ตะคอกใส่ว่า ไม่รู้เลยหรือว่ามานี่ทำไม ผู้หญิงที่ใส่ชุดทหารตะคอกใส่ การขู่ตะคอกใส่ที่เรารู้สึกแล้วว่า อยู่ตรงนี้มันอันตราย คือเรามองออกได้ชัดเจนเลยว่า เขาก็คือฝ่ายตรงกันข้าม เขาไม่ได้ถามเราแบบออมชอม การไกล่เกลี่ยมันไม่ใช่แบบนี้ คำพูดคำจามันก็ไม่ใช่แบบนี้ คำพูดเหมือนให้เรายอมรับฝ่ายตรงกันข้าม มีการดูถูกบอกว่า จ้างทนายมีตังค์มากไหม ทำไมต้องจ้างทนาย ถ้าไม่จ้างทนายก็ไม่มีบ้านอยู่จนถึงปัจจุบันนี้หรอก โดนรื้อถอนไปนานแล้ว
นางประใส ใจเดียว ผู้เสียหาย กล่าวต่ออีกว่า และวันนี้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ เพราะผู้หญิงคนนี้อันตรายมากค่ะ ที่โดนข่มขู่มาในวันนั้น อยู่ในห้อง กอ.รมน. วันนั้นมีฝ่ายตรงกันข้าม และลูกชาย และรอง ผอ.กอ.รมน. และเหน้าที่ทหารคนอื่น ไ อยู่ด้วย ตนเองจะกลับบ้านก็กลับไม่ได้ มันไม่จบกับเรา จะเอาให้ได้ว่าจะเอายังไง เขาพยายามให้เราจะเอาตามฝ่ายตรงกันข้าม แต่เราไม่รับ ซึ่งตอนนั้นเวลาก็นานมากแล้ว อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้ เขาไม่จบ เราก็พูดอ่อนลง เอายังนี้ดีไหม เรามารังวัดกันเถอะ เราจะได้รู้ว่าใครผิดใครถูก ถ้าเราผิดเราก็ยอมทุบถ้าทางฝั่งเขาผิด เขาก็พูดสวนมาเลยว่า ถ้าเขาผิดก็ให้เขารื้อบ้านเหรอ เราก็ตอบไม่ได้ว่าจะรื้อหรือไม่ แต่เขาบังคับให้เราพูดว่า ต้องจบอยู่ตรงนี้ คุยตรงนี้ จบตรงนี้ที่ห้อง กอ.รมน. ซึ่งเราเองก็อ้างว่าที่ดินตรงนี้มันเป็นของลูกสาว และคนที่ฟ้องก็คือลูกสาว ถ้าจะจบก็ต้องไปจบที่ศาลเพราะเรื่องอยู่บนศาลแล้ว..

อนุศักดิ์ แสนวิเศษ // มุกดาหาร

Loading