วันศุกร์, 15 พฤศจิกายน 2567

ผบ.กกล.สุรสีห์ ขอบคุณผู้ว่าฯ ประจวบฯให้การสนับสนุนลวดหนาม

ผบ.กกล.สุรสีห์ขอบคุณผู้ว่าประจวบให้การสนับสนุนลวดหนาม-อุปกรณ์ และกำลังพลฝ่ายปกครองร่วมป้องกันโควิดทะลักชายแดน

วันที่ 14 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มอบหมายให้ นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบ พร้อมด้วย พ.อ.กรกานต์ นาเวชวนิชกุล รอง ผอ.รมน.จังหวัดประจวบ ลงพื้นที่เดินทาง ร่วมกับ พลตรี ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ร่วมกันสำรวจแนวกั้นรั้วลวดหนาม บริเวณแนวป่าเทือกเขาตะนาวศรีชายแดนไทย-เมียนมาร์ บริเวณช่องทางธรรมชาติช่องวังเป้า ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่ได้ร่วมประชุมวางแนวทางปฏิบัติร่วมกัน เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และ สำรวจความเรียบร้อยในการปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังบุคคลต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งอาจนำเชื้อ covid19 เข้ามาแพร่สู่คนไทยในประเทศ เขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากที่ผ่านมาช่องทางดังกล่าว มักมีบุคคลต่างด้าวใช้ช่องทางธรรมชาติเป็นเส้นทางหลบหนีเข้าสู่ประเทศไทย และเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 โดยมี พ.อ.วุทธยา จันทมาศ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก พ.อ.ธีรยุทธฑ์ เส้งรอด รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก พ.ต.อ.ปฐม อุ่นอบ ผกก.ตชด.14 นายแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้และอุทยานร่วมสำรวจ
โดยได้นำสุนัขตำรวจ ตชด.กว่า 2 ตัว ร่วมสำรวจดมกลิ่น พร้อมนำโดรนขึ้นบินถ่ายภาพทางอากาศ และบินสำรวจมุมสูงในระยะไกล บริเวณจุดพื้นที่เข้าไม่ถึงเพื่อแสกนมองหาบุคคลต่างด้าวที่อาจแอบซุกซ่อนอยู่บริเวณแนวป่า เพื่อรอเวลาช่วงที่ปลอดเจ้าหน้าที่แล้วแอบลักลอบเข้าสู่ประเทศไทย

ซึ่งในโอกาสนี้ พลตรี ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยที่ให้การสนับสนุนกำลังพลในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดและกำลังจากฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครองท้องที่ ที่ให้การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และลวดหนาม (หีบเพลง) มาใช้ขึงกั้นแนวชายแดน เพื่อสกัดกั้นบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมากำลังพลของทหารมีจำกัด อาจทำให้ดูแลไม่ทั่วถึง ถึงแม้จะปฏิบัติหน้าที่เต็มกำลังความสามารถแล้วก็ตาม ซึ่งลวดหนามต่างๆที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถช่วยทุ่นแรง และทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น//////
ทั้งนี้ จ.ประจวบฯ มี 34 ช่องทางหลัก 5 ช่องทางย่อยธรรมชาติ รวมทั้งหมด 39 ช่องทาง โดยช่องทางหลัก 34 ช่อง ได้ปิดไปแล้ว 27 ช่อง โดยเป็นการปิดด้วยลวดหนาม 14 ช่อง และปิดด้วยขวากไม้ไผ่และอุปกรณ์อื่นๆ 13 ช่อง ที่เหลืออีก 7 ช่องเป็นช่องทางรกทึบไม่มีการใช้งานแล้ว ส่วนช่องทางย่อยที่เป็นช่องทางธรรมชาติ จำนวน 5 ช่องทาง ดำเนินการปิดด้วยลวดหนามแล้วทั้งหมด และวางกำลังจุดตรวจ 24 ชม.จำนวน 18 จุด จุดตรวจชั่วคราวตามห้วงเวลา จำนวน 9 จุด ที่เหลือใช้การลาดตระเวนเฝ้าสุ่มตรวจตามห้วงเวลาพร้อมนำอุปกรณ์เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมทุ่นแรง เช่น สปอร์ตไลท์โซล่าเซลล์ และติดตั้งสัญญาณกันขโมยตามป่าเวลาเฝ้าตรวจ

นายพิสิษฐ์  รื่นเกษม /ประจวบคีรีขันธ์

Loading