นครพนม
โชคดีของเจ๊ปากแดงรอดนอนคุก ศาลให้ประกันคนละ 5 หมื่น ลูกหนี้หัวหดหลังทเอเอราบข่าว หวั่นถูกตามเอาคืน คู่กรณีเตรียมร้องดีเอสไอ
คืบหน้าคดี น.ส.มาลี วรสวัสดิ์ อายุ 40 ปี ฉายาเจ๊ปากแดงนายทุนเงินกู้นอกระบบคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด และนายสุวพรรดิ์ ดำคลองเตย อายุ 46 ปี สามี พร้อมสมุนคือนายอารยะ เล็กคู อายุ 31 ปี กระทืบนายสกุล ศรีรักษา อายุ 49 ปี ส.อบต.บ้านคำนกกก หมู่ 1 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม อีกทั้งใช้อาวุธปืนพกสั้นตบใบหน้าจนหางคิ้วซ้ายแตกเย็บ 3 เข็ม โดยหลังถูกจับกุมเจ๊ปากแดงอ้างไม่ได้ปล่อยเงินกู้ตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนที่สามีไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนายสกุล สาเหตุมาจากการยืมเงินในบ่อนไฮโล โดยนายอารยะลูกน้องอ้างว่าเป็นผู้ลงมือกระทำเพียงคนเดียวเท่านั้น
ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน โดยไม่ใส่กุญแจมือเหมือนผู้ต้องหารายอื่นๆ ส่งฟ้องศาลจังหวัดนครพนม ในข้อหา”ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ,ร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด,ร่วมกันทวงหนี้โดยการข่มขู่ใช้ความรุนแรง,ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันจำเป็นเร่งด่วน” พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยเจ๊ปากแดงกับสามีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดเวลา 15.00 น. ศาลจังหวัดนครพนมพิจารณาแล้วอนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัวชั่วคราว ในวงเงินคนละ 50,000 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสามใช้เงินสดประกันตัวเองออกไป และรีบเดินทางกลับบ้านพักที่อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ทันทีทันใด
นายสกุลผู้กล่าวหาที่ถูกรุมสกรัมจนสะบักสะบอม ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากที่ตำรวจจับกุมตัวเจ๊ปากแดงพร้อมผัวและลูกน้องแล้วนั้น รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเพราะว่าอย่างน้อยก็ได้เห็นเจ้าหน้าที่ทำงาน ซึ่งวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญตนมาเพื่อชี้ตัวผู้ที่ทำร้ายร่างกายในวันเกิดเหตุ ซึ่งก็ได้ยืนยันชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกันที่มาทำร้ายร่างกายจริง
นายสกุลยังได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุให้กับผู้สื่อข่าวฟังอีกครั้ง และยังคงเป็นคำพูดเดียวกันกับครั้งแรกที่เคยเล่าให้ได้ฟังก่อนหน้า เพื่อเป็นการยืนยันได้ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้น จะไม่ใช่เป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อกล่าวหาเจ๊ปากแดงแต่อย่างใด แล้วก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผู้ที่ทำร้ายร่างกายตนในวันนั้น ไม่ได้มีเพียงคนเดียวและมีการใช้ปืนตบเข้าที่ใบหน้าจริงโดยยืนยันว่าเป็นฝีมือของผัวเจ๊ปากแดงซึ่งตนเรียกว่าเฮีย
จากคำให้การของ น.ส.มาลีหรือเจ๊ปากแดงที่บอกกับตำรวจว่า มีอาชีพขายปลาเผาตามตลาดนัดไม่เป็นความจริง และตนก็ยังเกิดความสงสัยว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบไปยังอุปกรณ์ทำมาหากินของเจ๊ปากแดงแล้วหรือยัง อีกทั้งในวันนี้ที่ได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำก็สังเกตได้ว่าไม่มีการสวมกุญแจมือแต่อย่างใด
ส่วนในเรื่องของการดำเนินการหลังจากนี้ตนและผู้เสียหายคนอื่นๆที่ได้ทำการกู้เงินกับเจ๊ปากแดงจะรวมตัวกันไปยื่นเรื่องลงชื่อที่ศูนย์ดำรงธรรมในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ และจะให้ทางศูนย์ดำรงธรรมเป็นผู้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง หากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะไปยื่นเรื่องที่ดีเอสไอ
ท้ายนี้ตนอยากฝากไปถึงรัฐบาลให้ช่วยดูแลในเรื่องของเงินกู้นอกระบบ ที่มีการทำร้ายร่างกายลูกหนี้ เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยปฏิเสธการจ่ายเงินแต่คิดว่าการจ่ายดอกที่ผ่านมานั้น ยอดน่าจะเกินเงินต้นไปหลายหมื่น คงจะมากเพียงพอแล้ว เพียงแค่ต้องการพักดอกและขอให้หักเป็นเงินต้นต่อไปแทน แต่ทางด้านนายทุนเงินกู้ก็ไม่ยอมรับข้อเสนอตรงนี้จึงเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พวกบรรดาลูกหนี้หลังทราบว่าเจ๊ปากแดงได้รับการประกัน เริ่มคิดว่าครอบครัวอาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย จากที่คิดจะรวมตัวกันไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกรงจะถูกตามดักทำร้ายจากสมุน บางรายหนีไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัดก็มี
เทพพนม รายงาน