วันจันทร์, 18 พฤศจิกายน 2567

เดอะโอ๋”ศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ(ศปน.ตร.)

เดอะโอ๋ !!! ศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ(ศปน.ตร.)บุกทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบผ่านมือถือแอพพ์ริชมันนี่(RICH MONEY)รวบ 8 ผู้ต้องหาไทย-จีน-กัมพูชา

วันที่ 21 ธ.ค.63 เวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.ผอ.ศปน.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร.รอง ผอ.ศปน.ตร.พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.ภ.1 รอง ผอ.ศปน.ภ.1 พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ.พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปอศ.ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมกลุ่มนายทุนต่างชาติ ขบวนการกู้เงินนอกระบบผ่านแอพพลิเคชั่น(RICH MONEY)(BIG MONEY)(365 LOAN)( SUPER LOAN)(CASH HOME)(CASH ME)(TRACK MONEY QUICK) ผู้ต้องหาจำนวน 8 คนประกอบด้วย นายภูวนาท สงวนนามสกุล อายุ 42 ปี(ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคล,สัมภาษณ์ผู้มาสมัครงานติดตามทวงถามหนี้)น.ส.พวงพรรณ สงวนนามสกุล อายุ 33 ปี(ทำหน้าที่ธุรการและประสานงานกับเจ้าของกิจการชาวจีน)นายทรงกรต สงวนนามสกุล อายุ 23 ปี(ทำหน้าที่ดูแลพนักงานติดตามทวงถามหนี้,แก้ไขปัญหาในการทำงาน)น.ส.ธิติมา สงวนนามสกุล อายุ 31 ปี(ทำหน้าที่ดูแลพนักงานติดตามทวงถามหนี้,แก้ไขปัญหาในการทำงาน)นายเซี่ย จั้ว เสียง(XIE ZUO XIANG) นายหลัว เหมิง เหมิง(LUO MENG MENG)นายลี่ เค่อ หยู (LI KE YU)ทั้งหมดเป็นชาวจีน และนางโซเพียค เวิน (SOPHEAK VOEURN)ชาวกัมพูชา ตามหมายจับศาลอาญาฐาน“ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์แบบพกพาโน๊ตบุ๊ค จำนวน 63 เครื่อง โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ดจำนวน 76 เครื่อง เครื่องรับส่งข้อความอัตโนมัติ ตรายางบริษัท เอกสารเกี่ยวกับการว่าจ้างพนักงานจำนวน 58 แฟ้ม เอกสารคู่มือเกี่ยวกับการทวงหนี้จำนวน 62 แผ่น สมุดบัญชีเงินฝากจำนวน 1 เล่ม เอกสารหนังสือรับรอง บริษัท ที่พึ่ง จำกัดจำนวน 1 ชุด สมุดบันทึกการทำงานของพนักงานจำนวน 2 เล่ม รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ ประมาณ 2 ล้านบาท จับกุมได้ที่อาคารเอสวีทาวเวอร์ ห้องแถวเลขที่ F1 ชั้น 1 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร.กล่าวว่าทางศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปน.ตร.)ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าได้กู้ยืมเงินผ่านแอพพ์เงินกู้นอกระบบ ริชมันนี่(RICH MONEY)ซึ่งเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยใช้วิธีการให้ผู้กู้ติดตั้งแอพในโทรศัพท์มือถือ และจะให้สินเชื่อบุคคลวงเงินตั้งแต่ 2,000-50,000 บาท ระยะเวลาในการชำระหนี้ภายใน 7 วัน หากมีผู้กู้เงินจำนวน 2,000 บาท ผู้กู้จะได้เงินจริงเพียง 1,220 บาท โดยจะหักเป็นค่าบริการจำนวน 780 บาท หรือร้อยละ 39 ต่อ 7 วัน และคิดดอกเบี้ยเพิ่มในอัตรา ร้อยละ 0.05 ต่อวันรวมดอกเบี้ยที่ปรากฏและค่าบริการที่อำพรางดอกเบี้ย หากไม่ชำระตามกำหนดเวลา จะมีการทวงหนี้ในลักษณะข่มขู่ ด่าทอ คุกคาม และหรือส่งข้อความ SMS เกี่ยวกับการเป็นหนี้ให้แก่บุคคลที่สาม ทำให้ผู้กู้ได้รับความอับอาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร.กล่าวต่อว่าจากการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปอศ.ทราบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนในระบบจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาทและมีบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องในระบบหลายสิบบัญชีและมีบัญชีลูกหนี้นับหมื่นราย โดยบริษัทดังกล่าวจะมีการย้ายที่ตั้งของสำนักงานบ่อยครั้งในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้ยากแก่การติดตามของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังพบเส้นทางการเงินว่ามีการโอนย้าย ถ่ายเทเงินไปยังบัญชีต่างๆ รวมถึงยังมีการจัดตั้งบริษัทอื่นๆขึ้นมาบังหน้าเพื่อทำหน้าที่ทวงหนี้แทน เพื่อปกปิดอำพรางความผิด โดยมีแอพพ์เงินกู้นอกระบบที่อยู่ในเครือข่ายอีก เช่น BIG MONEY,365 LOAN,SUPER LOAN,CASH HOME,CASH ME,TRACK MONEY QUICK ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.5 บก.ปอศ.จึงได้รวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่างๆเพื่อขออนุมัติหมายจับและหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นสถานที่ของบริษัทดังกล่าว

จากการตรวจค้นของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบพนักงานคนไทยนั่งทำงานอยู่จำนวน 59 คน พร้อมแจ้งข้อหาพนักงานจำนวน 4 คน ในฐานความผิด “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” พร้อมยึดของกลางและอายัดเงินในบัญชีธนาคารต่างๆที่เกี่ยวข้องจำนวน 15 บัญชี รวมเงินที่อายัดจำนวนทั้งสิ้นกว่า 6,000,000 บาท
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร.เปิดเผยว่าจากนี้ไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนเส้นทางการเงิน และสอบสวนพยานทุกคนที่เกี่ยวข้อง พร้อมเตือนประชาชนที่คิดจะมาสมัครงานทวงหนี้ให้กับบริษัทที่ปล่อยเงินกู้ในลักษณะนี้ โดยเฉพาะที่มีชาวต่างชาติมาดำเนินกิจการจะถูกดำเนินคดีได้ โดยทางศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.)ได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่กวาดล้างหนี้นอกระบบในระหว่างวันที่ 18-24 ธันวาคม ซึ่งขณะนี้ผ่านไป 3 วัน ได้เข้าตรวจค้นเป้าหมายแล้วจำนวน 122 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาและเครือข่ายจำนวน 12 เครือข่าย รวมผู้ต้องหาจำนวน 48 คน ตรวจยึดเงินสดจำนวน 124,110 บาท อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก ตรวจพบบัญชีลูกค้าจำนวน 3,082 ราย รวมมูลค่าของกลางกว่า 6,200,000 บาท

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.สง.ก.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร.ได้กล่าวฝากเตือนไปยังพ่อ แม่พี่ น้อง ประชาชนว่า จากคดีนี้จะเห็นว่าในปัจจุบันได้มีกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบเป็นกลุ่มทุนต่างชาติ ซึ่งได้เข้ามาหาประโยชน์เอารัดเอาเปรียบประชาชนที่กำลังเดือดร้อน มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการกระทำความผิด ไปจากเดิมเป็นอย่างมาก โดยมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนเป็นจำนวนมากได้โดยง่าย ส่งผลให้เกิดความเสียหายในภาพรวมเป็นวงกว้าง ทางศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงใคร่ขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนให้ทราบถึงกลุ่มมิจฉาชีพเงินกู้นอกระบบที่มาในรูปแบบใหม่ๆ อาศัยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้กู้สามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดยอาจมองข้ามถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาขอประชาชนอย่าได้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มผู้ลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบที่เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยในลักษณะที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน และขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่คิดจะมาสมัครงานทวงหนี้ให้กับบริษัทที่ปล่อยเงินกู้ในลักษณะนี้โดยเฉพาะที่มีชาวต่างชาติมาดำเนินกิจการ เพราะอาจเข้าข่ายเป็นการร่วมกันกระทำความผิดและอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
สำหรับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน หรือต้องการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับ เงินกู้นอกระบบ สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชั้น 3 อาคาร 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ถนนสาทรเหนือ เขตบางรัก กรุงเทพฯ หรือโทรศัพท์สายด่วน 1599 และ 0 2255 2898 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Loading