นราธิวาส ชาวบ้านบ้านกำแพง เดือดร้อนร้องถูกโกงเงินออมทรัพย์หมู่บ้าน เชิดเงิน21ล้าน
นราธิวาส-ชาวบ้านบ้านกำแพง เดือดร้อน โดนโกงเงินออมทรัพย์หมู่บ้าน รวมตัวแจ้งความดำเนินคดีคณะกรรมการหมู่บ้าน หลังพบเงินออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านกำแพง ถูกยักยอกสูญหายกว่า 21 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนรา หลงราม อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 7 บ้านกำแพง ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยชาวบ้านสมาชิกออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านกำแพง จำนวนกว่า 50 คน เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เจนณรงค์ หะรังสี รอง สว.สอบสวน สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส ให้ดำเนินคดีกับประธานกองทุนฯ และคณะกรรมการ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารเงินออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านกำแพง ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์
นายนรา หลงราม ตัวเเทนชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองได้ออมเงินกับกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านกำแพง นี้มากว่า 10 ปี ทุกต้นปี จะมีการคืนเงินปันผลให้มาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งปลายปี 2563 ยังไม่ได้รับเงินปันผล ซึ่งทุกปีทางคณะกรรมการจะแจ้งให้ไปรับทุกวันที่ 27 ธันวาคม ของทุกปี จึงเดินทางไปทวงถาม กลับได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถเฉลี่ยเงินปันผลให้สมาชิกได้ และไม่สามารถนำเงินมาจ่ายปันผลได้ เพราะไม่มีเงินในบัญชีเหลือแล้ว ชาวบ้านจึงเดินทางไปยังบ้านของคณะกรรมการ พบว่าอยู่ปกติไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆต่อสมาชิก ไม่มีการติดต่อมาเจรจาใดๆทั้งสิ้น พวกตนจึงมั่นใจว่า ถูกโกงแน่ๆ จึงรวมตัวกันมาแจ้งความ
โดยมีนายนรา หลงราม ตัวแทนชาวบ้านเล่าว่า ในหมู่บ้านบ้านกำแพง ได้มีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านกำแพง ขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2523 เดิมกลุ่มออมทรัพย์ฯอยู่ในความรับผิดชอบชาวบ้านได้ดำเนินการกันเอง มีประธานและคณะกรรมการทำหน้าที่เกี่ยวกับเงินกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านกำแพง รวม 8 คน
ปัจจุบันมีสมาชิกในกลุ่มทั้งหมด 560 ราย มีจำนวนเงินฝากของสมาชิกจำนวนกว่า 21 บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านบาท) เงินอยู่ในลูกหนี้ฉุกเฉิน 6 แสนกว่าบาท ปล่อยให้สมาชิกกู้สามัญประมาณ 16,445,238 บาท ทุกปีได้มีการปันผลเฉลี่ยคืนให้แก่สมาชิกทุกวันที่ 27 ธันวาคม ของทุกปี แต่ปีนี้คือวันที่ 27 ธันวาคม 2563 คณะกรรมการไม่สามารถนำเงินปันผลมาให้แก่สมาชิกได้เหมือนในทุกๆ ปี ต่อมาสมาชิกจึงได้ประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเงินฝากของสมาชิกที่เหลืออยู่ เพื่อส่งคืนให้กับสมาชิก ว่ายังอยู่ครบหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีเงินเหลืออยู่เลย
ด้าน ร.ต.อ.เจนณรงค์ หะรังสี รอง สว.สอบสวน สภ.ตันหยง หลังรับแจ้งความก็จะได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมด จำนวนเงินในกองทุนออมทรัพย์ จำนวนสมาชิกที่เสียหาย ก่อนเรียกสอบปากคำผู้เสียหายรวมถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และอยากฝากถึง ชาวบ้านที่คิดจะออมเงิน ควรหาสถาบันการเงินที่มั่นคง เช่น ธนาคาร ประกันภัย ในการออม เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกยักยอกเงินดังกล่าว
ข่าว ซาการียา ดอเลาะ จ.นราธิวาส