ผบก.ตร.กาญจน์ สั่งคุมเข้มทุกด่านสกัด ป้องขบวนการทำผิดกฎหมายทุกชนิด ตามแนวชายแดน ทั้งยาเสพติด-แรงงาน
จากนโยบายของ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิด รอง ผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.จว.)กาญจนบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตม.กาญจนบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.13 ค่ายพระพุทธยอดฟ้า ให้เข้มข้นในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และผู้กระทำผิดกฎหมายทุกชนิด
โดยเฉพาะขบวนการลักลอบขนยาเสพติดและขบวนการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา และผู้นำพา ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ระลอกสอง ซึ่ง พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภาค 7 ให้เน้นป้องกันตามแนวชายแดนตลอดเส้นทาง เช่นด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จุดผ่อนปรนชั่วคราวทางการค้า ด่านเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีที่มีแนวเขตติดกับกิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องเฝ้าระวังตามนโยบายของรัฐบาล
ล่าสุดวันนี้ 18 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่จากแรงงานชาวเมียนมา ที่ทำงานอยู่ตลาดกุ้ง ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และเชื้อได้แพร่ระบาดไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว
โดยจังหวัดกาญจนบุรี เริ่มพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา และพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมา รวมผู้ป่วยสะสมทั้งหมด จำนวน 7 คน แต่ทั้ง 7 คนติดเชื้อมาจากนอกจังหวัดกาญจนบุรีทั้งสิ้น และข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี พบว่าผู้ป่วยทั้ง 7 รายรักษาหายกลับบ้านได้แล้ว ที่สำคัญจนถึงวันนี้ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่รวมเวลา 18 วันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามรายชื่อข้างต้น สนธิกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดนและช่องทางเข้าออกตามธรรมชาติมาอย่างต่อเนื่อง
โดยผลการจับกุมกลุ่มบุคคลแรงงานชาวเมียนมาที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร ห้วงระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.63 ถึงวันที่ 31 ม.ค.64 สามารถจับกุมได้ 41 คน เป็นแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 26 คน และผู้นำพา จำนวน 15 คน จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 243 คน ของกลางเป็นยาบ้า รวมกันจำนวน 64,012 เม็ด ยาไอซ์ หนัก 123.07 กรัม กัญชา 996.97 กรัม เฮโรอีน หนัก 32.574 กรัม จับกุมผู้ต้องหาลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีได้ จำนวน 13 ราย ของกลางเป็นบุหรี่ต่างประเทศ จำนวน 1,189 ซอง สุราต่างประเทศ จำนวน 24 ขวด รมทั้งสินค้าทางการเกษตรและเสื้อผ้าหนีภาษีอีกหลายรายการ
สำหรับผลการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ในห้วงเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม ได้ผู้กระทำผิด จำนวน 47 คน ของกลาง จำนวน 46 กระบอก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 211 นัด นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมคดีเกี่ยวกับการพนันได้ผู้ต้องหา จำนวน 13 คน คดีเงินกู้นอกระบบได้ผู้กระทำผิด จำนวน 7 คน และจับกุมผู้ต้องหาคดีค้างเก่าตามหมายจับ ได้ จำนวน 1 คน
ส่วนผลการปราบปรามจับกุมห้วงระหว่างวันที่ 1-17 ก.พ.64 ดังนี้ จับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ จำนวน 8 คน จับกุมผู้ให้ความช่วยเหลือซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าว ได้ จำนวน 12 คน จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ จำนวน 10 ราย และจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากรได้ จำนวน 4 ราย
สำหรับคดียาเสพติดที่จับกุมผู้ต้องหาและสามารถยึดของกลางได้มากที่สุดในห้วงเดือนกุมภาพันธุ์ คือการจับกุมตัวนายสุทิน หลวงภิเภก อายุ 29 ปี และ นายมนตรี หลวงภิเภก อายุ 37 ปี สองพี่น้อง อยู่บ้านเลขที่ 73/6 หมู่ 4 ต.วังขนาย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 80,000 เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน 2ฒอ 359 กทม.เหตุเกิดวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมาที่บริเวณจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี