ตร.ปส.จับยาแก้ไอล็อตใหญ่ส่งพื้นที่ภาคใต้ใช้ผลิต 4×100
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ 25 มี.ค.60 พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ปส.4,พ.ต.อ.วัชระ ทิพย์มงคล รอง ผบก.ปส.4 พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ อนันต์โท ผกก.2 บก.ปส.4 พ.ต.ท.พิทยา สองเมือง รอง ผกก.2 บก.ปส.4 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.4 สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.414,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแซะ,สภ.บ้านมาบอำมฤต,สภ.ปะทิว และ สภ.สลุย จว.ชุมพร ร่วมกันจับกุมตัวนายอภินันท์ เกื้อหนุนอยู่บ้านเลขที่ 78/1 ม.2 ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง จว.ตรังพร้อมด้วยของกลางยาแก้ไอขนาดต่างๆจำนวน 54,000 ขวด รถบรรทุก ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้าหมายเลขทะเบียน 70 – 1952 ตรัง ธนบัตรไทยชนิดฉบับละ 1,000 บาทจำนวน 450,000 บาท(สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน)โทรศัพท์จำนวน 1 เครื่อง
พ.ต.อ.วัชระ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีรถบรรทุกสิบล้อยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้าหมายเลขทะเบียน 70-1952 ตรังบรรทุกยาแก้ไอจากกรุงเทพฯ นำไปส่งปลายทางที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.4 จึงได้สนธิกำลังร่วมกันตั้งด่านตรวจบริเวณริมถนนเพชรเกษม(กรุงเทพฯ-ชุมพร)ที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพรต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันที่ 23 มี.ค.60 พบรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 70-1952 ตรัง ตรงตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับโดยมี นายอภินันท์ เกื้อหนุนเป็นผู้ขับขี่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกหยุดและให้เข้าไปตรวจภายในด่านตรวจยานพาหนะชุมพร จากการตรวจค้นพบของกลางยาแก้ไอ ยี่ห้อ เอ-คลอดิล ไซรัป(A-Chlordyl Syrup)ปริมาตร 60 มิลลิลิตรจำนวน 300 ลังบรรจุลังละ100 ขวดรวม 30,000 ขวดยาแก้ไอ ยี่ห้อ ซีเฟนดริล ไซรัป ( CePHENDRYL Syrup )ปริมาตร 60 มิลลิลิตร จำนวน 200 ลัง บรรจุลังละ 100 ขวดรวม 20,000 ขวดยาแก้ไอ ยี่ห้อ เอนาดริล ( A – nadril cough syrup )ปริมาตร 60 มิลลิลิตร จำนวน 10 ลังใหญ่ ( 1 ลังใหญ่มี 4 ลังเล็ก บรรจุลังละ 50 ขวด) รวม 2,000 ขวดยาแก้ไอ ยี่ห้อ เอ-วาริล( A – wary Syrup ) ชนิดน้ำเชื่อมปริมาตร 60 มิลลิลิตร จำนวน 10 ลังใหญ่ ( 1 ลังใหญ่มี 4 ลังเล็ก บรรจุลังละ 50 ขวด) รวม 2,000 ขวดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอตรวจสอบใบส่งสินค้าไม่มีใบรายการขนสินค้าหรือครอบครองของกลางดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึดเป็นของกลางทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายอภินันท์ ได้แจ้งว่าเจ้ติ๋มหรือจิ๋ม ผู้ว่าจ้างได้บอกว่าหากถูกตำรวจจับจะรับผิดชอบเคลียร์ให้ ระหว่างที่ควบคุมตัวนายอภินันท์ผู้ถูกจับอยู่นั้นได้มีโทรศัพท์เจ้ติ๋มหรือจิ๋ม โทรมาที่
นายอภินันท์บอกว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เจ้ติ๋มหรือจิ๋มได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเสนอเงินจำนวนเงิน 450,000 บาท(สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน)เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ถูกจับและของกลางทั้งหมด
จากการสอบสวน นายอภินันท์ รับว่าสารภาพว่าดัรับการว่าจ้างจากเจ้ติ๋มหรือจิ๋มจำนวน 13,000 บาทให้ไปบรรทุกของเบ็ดเตล็ดและยาแก้ไอ โดยให้ไปรับของที่บริษัททรัพย์สว่างถ.เอกชัย 95 เขตบางบอน กทม.จากนั้นได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯจนมาถึงด่านตรวจยานพาหนะชุมพรประมาณ 23.00 น.และได้ถูก เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเข้าตรวจค้นภายในด่านตรวจฯดังกล่าว
พ.ต.อ.วัชระ เพิ่มเติมว่ายาแก้ไอที่นำมาลักลอบขายมีอยู่ 3 ขนาดขวด คือขวดขนาดใหญ่ราคาต้นทุน 50 บาทนำไปขาย 300 บาท ยาแก้ไอขวดขนาดกลางราคาต้นทุน 20 บาท นำไปขายขวดละ 120 บาทและยาแก้ไอขวดขนาดเล็กราคาต้นทุน 10 บาทนำไปขายขวดละ 40 บาทยาแก้ไอทั้งหมดที่ทำการตรวจยึดได้ ราคาต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 5 แสนกว่าบาท หากขายหมดจะได้เป็นเงินจำนวนหลายล้านบาท โดยผู้ต้องหากลุ่มมีนำไปขายให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปผสมกับน้ำกระท่อมในการเสพซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามกลุ่มผู้ค้ายาแก้ไอกลุ่มนี้มาจนทราบว่ามีการลักลอบขนส่งดังกล่าวจึงได้นำกำลังเข้าสกัดจับกุม ซึ่งสามารถจับได้จำนวนมากและจะทำการขยายผลไปยังขบวนการผู้ค้ายาแก้ไอ เพื่อจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องที่ยังเหลืออีกขณะนี้เรามีข้อมูลและกำลังขยายผลอยู่
จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย จว.ชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยกล่าวหาว่า“มียาแผนปัจจุบันซึ่งเป็นยาอันตรายไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมว่า “ร่วมกันกับพวกให้ทรัพย์ แก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่”