กาญจนบุรี กลางดึก จนท.กรมอุทยานฯ บุกรวบขบวนการตัดไม้ในป่ากลางดึก จับผู้ต้องหาได้ 1 คน ซักทอด ยกแก๊ง
วันนี้ 4 ก.ย 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ดำเนินการปราบปราม ผู้กระทำผิดลักลอบ ตัดไม้ ทำลายป่า ล่าสัตว์ป่าอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจาก นายพีรวัฒิ สิโรตฆ์พิพัฒ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รายงานว่าวันที่ 3 ก.ย. 64 ได้สั่งการให้นายวรุณ จันทร์สว่าง ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ นำคณะเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ อว.1 (ถ้ำพระธาตุ) และสายตรวจส่วนกลาง รวมทั้งสิ้น 12 นาย ลงพื้นที่ไปดักซุ้ม ในบริเวณป่าชายน้ำบ้านน้ำโจน ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี หลังจากได้รับจากสายข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลจะลักลอบเข้าไปทำไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ บริเวณป่าชายน้ำบ้านน้ำโจน ท้องที่หมู่ที่ 3 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
จนถึงเวลากลางดึกของวันที่ 3 ก.ย. 64 เวลาประมาณ 23.00น. คณะเจ้าหน้าที่ที่ได้ดักซุ่มในบริเวณดังกล่าว ได้ยินเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ดังขึ้น จึงได้ออกติดตามเสียงดังกล่าวได้พบเห็นแสงไฟจำนวนหลายดวง และได้พบกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง กำลังร่วมกันใช้เลื่อยโซ่ยนต์ทำการเลื่อยไม้ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว คณะเจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังปิดล้อม และได้แสดงตนเป็นคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อทำการตรวจค้นและจับกุม แต่ปรากฏว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าโดยอาศัยความมืดและความชำนาญเส้นทางในการหลบหนี คณะเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดในบริเวณที่เกิดเหตุได้ จำนวน 1 คน บริเวณพิกัดที่ 0509743 E 1593846 N (WGS 1984) ทราบชื่อว่า นายอาทิตย์ สมพงษ์ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 15/1 ม.2ต.ยางขาว อ.พยุคีรี จ.นครสวรรค์ แต่ได้มาเป็นเขย อาศัยอยู่ที่บ้านทุ่งนา ต.หนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ยอมรับว่าเป็นมือเลื่อยไม้หลัก
พบไม้ และอุปกรณ์การกระทำผิดจำนวน 9 รายการ ดังนี้
1.ไม้ประดู่ จำนวน 3 ท่อน รวมปริมาตรทั้งหมด 1.32 ลูกบาศก์เมตร
2. เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อ STIHL ขนาดแผ่นบาร์บังคับโซ่ ขนาด 36 นิ้ว หมายเลขเครื่อง 911067917601 จำนวน 1 เครื่อง
3. โซ่สำรองสำหรับเลื่อยโซ่ยนต์ ขนาด 36 นิ้ว จำนวน 2 เส้น
4. น้ำมันเบนซิน จำนวน 1 แกลอน
5. น้ำมันหล่อโซ่ จำนวน 1 แกลอน
6. กระเป๋าเครื่องมือ (ประกอบด้วย ไขควบ, ตะไบ, บล็อกหัวเทียน, ประแจหกเหลี่ยม, คึมปากจิ้งจก, ตลับเมตร, ค้อน, ประแจเบอร์ 17) จำนวน 1 ใบ
7. ไฟฉายคาดหัว จำนวน 1 อัน
8. ย่ามสะพายข้างสีเหลือง จำนวน 1 ผืน
9. ผ้าใบ จำนวน1ผืน
จากการสอบถาม นายอาทิตย์ฯผู้ต้องหาที่จับได้บริเวณที่เกิดเหตุ ให้การซัดทอดว่าตนและพวกอีก 5 คนที่หลบหนีไปได้นั้น โดยผู้ที่กระทำการหลบหนีไปได้นั้นมี นายทัน ทราบชื่อภายหลังชื่อ นายสุทัน ไวยิ่งยุทธ อาศัยอยู่ที่ตำบลท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เป็นผู้ว่าจ้าง เป็นคนรับส่ง จัดหาเสบียง และคอยดูต้นทางบริเวณชายน้ำ อีกทั้งเป็นเจ้าของเลื่อยโซ่ยนต์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการกระทำผิด , นายป่าย ทราบชื่อภายหลังชื่อ นายอำพล ไวยิ่งยุทธ อาศัยอยู่ที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมมือกันกับนายสุทันฯ ในการนำไม้แปรรูปไปจำหน่าย, นายภู ทราบชื่อภายหลังชื่อ นายสุพัตรา สาดมาลัย อาศัยอยู่หมู่บ้านเกาะบุก หมู่ที่ 3 ตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นมือเลื่อยสำรองผลัดเปลี่ยนกับผู้ถูกจับกุม, นายพาน ทราบชื่อภายหลังชื่อ นายสุรีรัตน์ สาดมาลัย อาศัยอยู่หมู่บ้านเกาะบุก หมู่ที่ 3 ตำบลหนองเป็ดอ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรีเป็นคนดูต้นทางในที่เกิดเหตุและคอยสนับสนุนในการทำไม้, และนายไมค์ ไม่ทราบชื่อจริง และนามสกุลจริง อาศัยอยู่บ้านเกาะบุก หมู่ที่ 3 ต.หนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้รับจ้างในขนย้ายไม้ออกจากที่เกิดเหตุ นายอาทิตย์ฯผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมว่าตนและพวกได้รับการว่าจ้างจากนายสุทันฯ เป็นเงินค่าแรงคนละ 500 บาท/คืน
คณะเจ้าหน้าที่เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ ดังนี้
1.พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (2) ฐาน “ร่วมกันเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นหรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลายหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสน บาท หรือทั้งจำและปรับ มาตรา 19 (6) ฐาน “ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาผลประโยชน์” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ มาตรา 20 ฐาน”บุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด ระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
2.พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4 และมาตรา 17 ฐาน “มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์”มาตรา 7 และมาตรา 20 ฐาน “ไม่มีใบอนุญาตหรือสำเนาภาพถ่ายสำหรับเลื่อยโซ่ยนต์ เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ทันที” ระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท
3. พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 และฉบับที่แก้ไข มาตรา 11 ฐาน “ทำไม้ประดู่ห้วงห้าม โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดไม้ประดู่หวงห้ามและเลื่อยโซ่ยนต์พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิดต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นของกลาง พร้อมจัดทำบันทึกเรื่องราวนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ ตามปจว.ข้อ 2 เวลา 13.00 น. คดีอาญาที่ 82/64 ยึดทรัพย์ที่58/64 ลงวันที่ 4 ก.ย. 64 เพื่อดำเนินคดีกับนายอาทิตย์ฯ ผู้ต้องหา รวมทั้งผู้ร่วมกระทำผิด และผู้ว่าจ้าง ที่ยังหลบหนี ในคดีนี้ มาดำเนินคดีต่อไป
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี