วันพฤหัสบดี, 14 พฤศจิกายน 2567

เดอะโอ๋ !!! นำทีมรวบ ศักดิ์ เมือง เพชร คนร้ายลักทรัพย์(ตู้เซฟ) ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน

19 พ.ย. 2021
30

เดอะโอ๋ !!! นำทีมรวบ ศักดิ์ เมือง เพชร คนร้ายลักทรัพย์(ตู้เซฟ) ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน

วันที่ 18 พ.ย. 64 ที่สภ.โพธิ์แก้ว จว.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมารอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.กัมปนาท ณ วิชัย ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว ได้ร่วมกันแถลงผลจับกุมตัวนาย ยุทธศักดิ์ งามขำ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ 318/2564 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์(ตู้เซฟ)รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ในข้อหาความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำลายหรือผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม”

พร้อมของกลางรถยนต์ Toyota รุ่น Altis สีเทา หมายเลขทะเบียน 3 กพ 1247 กรุงเทพมหานคร(ใช้ก่อเหตุ) รถยนต์ Toyota รุ่น Cross สีเทา หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก-2669 เพชรบุรี(นำเงินที่ได้จากการก่อเหตุไปซื้อ) ธนบัตรต่างประเทศจำนวน 23 ฉบับ,กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ และบัตร ATM จำนวน 4 ใบ (ของนายยุทธศักดิ์),นาฬิกา 2 เรือน,แหวนทองคำ ประดับเพชร จำนวน 10 วง,เหรียญและพระเครื่อง จำนวน 7 เหรียญ,กำไรหินสีเขียว 1 เส้น,เพชรบรรจุพลาสติกใสจำนวน 7 ถุง,แว่นขยายสองพระ จำนวน 2 อัน,ป้ายทะเบียน จำนวน 2 แผ่น หมายเลข 7กบ 2276 กทม. และหมายเลข 1ขฆ 9971 กทม.,ชุดที่ใช้ในการก่อเหตุมีเสื้อ จำนวน3 ตัวกางเกง จำนวน 2 ตัว และกระเป๋าเป้ 1 ใบ,ชะแลง 1 อัน และไฟฉายคาดศีรษะ จำนวน 1 อัน (อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ)

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่าเมื่อ 6 พ.ย. 64 เวลาประมาณ 16.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.โพธิ์แก้วได้รับแจ้งเหตุว่าเกิดเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 101/433 ซอย 8 ของหมู่บ้านปรีชา ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ม.9 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จว.นครปฐม โดยมีผู้เสียหาย น.ส.ทิพวรรณ ธรรมเสถียร อายุ 69 ปี ทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายได้แก่ เงินสด เครื่องเพชร ทองคำ พระพุทธรูป และพระเครื่อง มูลค่ารวมประมาณกว่า 5,000,000 บาท จากการสอบถาม น.ส.ทิพวรรณ ผู้เสียหายแจ้งว่าโดยปกติตนและสามีจะพักอาศัยอยู่ที่โรงงานกระดาษ ใน อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร และนานครั้งตนจะมาพักอาศัยที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ โดยเมื่อวันที่ 29 ต.ค.64 ได้เข้ามาตรวจดูที่บ้านพบว่ายังอยู่ในสภาพเรียบร้อย ต่อมาในวันที่ 6 พ.ย.64 เวลาประมาณ 06.00 น.น.ส.ทิพวรรณ ผู้เสียหายได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าประตูด้านข้างของรั้วบ้านได้เปิดแง้มอยู่ตนจึงได้กลับมาดูที่บ้านพบว่าถูกรื้อคันและตู้เซฟถูกงัดและทรัพย์สินสูญหายไปหลายรายการ จึงแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบ

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยต่อว่าจากการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่าบุคคลที่ก่อเหตุคือ นายยุทธศักดิ์ งามขำอายุ 39 ปีได้ใช้รถยนต์โตโยต้ อัลติส สีเทา ติดทะเบียน ญจ 1355 กรุงเทพ (ทะเบียนปลอมที่ใช้ในวันก่อเหตุ) ทราบทะเบียนจริงของรถยนต์ก่อเหตุคันดังกล่าวคือ 3 กพ 1247 กรุงเทพ จึงได้รวบรวมวัตถุพยานหลักฐานต่างๆยื่นขออนุมัติหมายจับนายยุทธศักดิ์ต่อศาลจังหวัดนครปฐมที่ 318/64 ลงวันที่ 16 พ.ย. 64 ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับผู้คุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” ต่อมาวันที่ 17 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่า นายยุทธศักดิ์ ได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ จว.ปทุมธานี จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบตัว นายยุทธศักดิ์ จึงทำการจับกุมตัวพร้อมของกลาง
จากการสอบสวนขยายผล นายยุทธศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่าได้ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค7 พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และพื้นที่ตำรวจนครบาล ซึ่งได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างๆดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อไป
ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้วดำเนินคดีตามกฎหมาย ในชั้นจับกุม นายยุทธศักดิ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

คุณจุฬาลักษณ์ ธนานิตยะอุดม ญาติผู้เสียหายเดินทางมาชี้ยืนยันทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้าย โดยได้มอบกระเช้าขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งรัดจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุและติดตามทรัพย์สินที่ถูกลักไปได้กลับมาด้วยความรวดเร็ว

การปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาต่อมา การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง ในนามของตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงครอบครัวผู้เสียหาย ว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มอบเงินส่วนตัวให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน และขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

Loading