กาญจนบุรี มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ทบทวนคดีเสือดำละเอียดยิบ พร้อมชวนอ่านสรุปย้อนหลังบทลงโทษคดีดังกล่าว จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันที่จะมีคำพิพากษาศาลฎีกา 8 ธ.ค.64 นี้
วันนี้ 24 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เขียนบทความเพื่อเป็นการทบทวนความคืบหน้าคดีล่าเสือดำ 2564 ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ระบุว่า อีก 14 วันนับจากนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิเตรียมนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีเสือดำ ใกล้จะถึงบทสรุปของคดีล่าสัตว์ป่า (เสือดำ)ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ในวันที่ 8 ธันวาคม 2564 นี้
ชวนอ่านสรุปย้อนหลังบทลงโทษคดีดังกล่าว จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันที่จะมีคำพิพากษาศาลฎีกา
.
คดีล่าเสือดำ ศาลชั้นต้น
จำเลยทั้ง 4 ได้ตกเป็นจำเลยคดีอาญาหมายเลขดำที่ 219/2561 ดังต่อไปนี้
นายเปรมชัย กรรณสูต 6 ข้อหา ได้แก่
1. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
4. ร่วมกันครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
5. ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากสัตว์ป่าที่ได้จากการกระทำความผิด
6. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายยงค์ โดดเครือ 7 ข้อหา ได้แก่
1. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ
3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
4. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
5. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าฯ
6. ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากของสัตว์ป่า
7. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
นางนที เรียมแสน 5 ข้อหา ได้แก่
1. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
3. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าฯ
4. ร่วมกันซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย
5. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
นายธานี ทุมมาศ 8 ข้อหา ได้แก่
1. ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
2. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ
3. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
4. ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
5. ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าฯ
6. ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น พาเอาไปเสีย หรือรับไว้ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย
7. ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
8. พยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ
.
คำพิพากษาศาลชั้นต้น
วันที่ 19 มีนาคม 2562 ศาลจังหวัดทองผาภูมิพิพากษาคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ดังนี้
จำเลยที่ 1 เปรมชัย กรรณสูต : รวมจำคุก 16 เดือน ยกฟ้อง 1 ข้อหา
ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน
ข้อหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กับข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ (กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท) จำคุก 8 เดือน
ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กับ ข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย (กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท) จำคุก 2 เดือน
จำเลยที่ 2 นายยงค์ โดดเครือ : รวมจำคุก 13 เดือน ยกฟ้อง 3 ข้อหา
ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน
ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน
ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กับ ข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย (กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท) จำคุก 8 เดือน จำคุก 2 เดือน
จำเลยที่ 3 นที เรียมเเสม : จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ยกฟ้อง 3 ข้อหา
ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กับ ข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย (กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท)
จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ : รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือน (ไม่มีข้อหาใดยกฟ้อง)
ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน
ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน
ข้อหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กับข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ (กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท) จำคุก 1 ปี
ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต กับ ข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย (กรรมเดียวเป็นความผิดกฎหมายหลายบท) จำคุก 4 เดือน
ข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ จำคุก 4 เดือน
ข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ จำคุก 1 ปี
.
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์
วันที่ 12 ธ.ค.62 ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้
เพิ่มโทษนายเปรมชัย กรรณสูต จำคุก 2 ปี 14 เดือน (ไม่รอลงอาญา)
นายยงค์ โดดเครือ จำคุก 2 ปี 17 เดือน (ไม่รอลงอาญา)
นางนที เรียมแสน จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับเงิน 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และ
นายธานี ทุมมาศ จำคุก 2 ปี 21 เดือน (ไม่รอลงอาญา)
นายเปรมชัย กับพวกรวม 4 คน ได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท พร้อมการติดกำไลข้อเท้า EM และเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศระหว่างการยื่นฎีกา
กระบวนการชั้นฎีกา
– วันที่ 11 มี.ค. 63 นายเปรมชัย พร้อมพวก ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ เพื่อขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา เป็นครั้งที่ 3 และศาลพิจารณาให้ขยายเวลาได้ถึงวันที่ 10 เม.ย. 63 ต่อมาในวันที่ 12 มี.ค. 63 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาของอัยการโจทก์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดได้รายงานถึงความคืบหน้าการพิจารณาการยื่นฎีกาคดีร่วมกันล่าเสือดำ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เพิ่มโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน ว่าพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โจทก์ ได้เดินทางไปยืนยันต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ว่าไม่ขอฎีกา เนื่องจากได้มีการตรวจสอบ พิจารณาประเด็นและเหตุผล รวมทั้งบทลงโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาแล้ว เห็นว่าครบถ้วนตามที่อัยการโจทก์ได้ฟ้องไป จึงมีความเห็นไม่ยื่นฎีกาอีก ซึ่งตามขั้นตอนก็ได้ส่งความเห็นนี้ไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา145/1 เมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดย ผบช.ภ.7 ได้ส่งความเห็นกลับมาแล้วว่า เห็นตรงตามอัยการ ดังนั้น ความเห็นจึงเป็นที่ยุติแล้วว่าไม่ฎีกาเกี่ยวกับผลคดีดังกล่าวอีกต่อไป เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการยื่นฎีกาของจำเลย อัยการโจทก์จะพิจารณาแก้ประเด็นฎีกาของจำเลย
– วันที่ 1 เม.ย. 63 นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ยื่นคำร้องขอฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โดยผู้พิพากษาได้รับรองอนุญาตให้จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ *
ส่วนแม่ครัว จำเลยที่ 3 คดียุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 เนื่องจากอัยการโจทก์และจำเลยที่ 3 ไม่ติดใจยื่นฎีกา
– วันที่ 16 เม.ย. 63 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้สอบถามความคืบหน้าการยื่นฎีกาของจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ยังศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้ความว่า นายเปรมชัย และพวก ได้ทำการยื่นฎีกา*เพื่อต่อสู้คดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
– วันที่ 8 ธันวาคม 2564 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีล่าสัตว์ป่า
* หมายเหตุ : ตามหลักกฎหมาย หากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้โทษ แต่จำคุกไม่เกิน 5 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
แต่หากผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษา หรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด (ฎีกา) และอนุญาตให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 แล้วสามารถให้รับฎีกาไว้พิจารณาต่อไปได้
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี