ภ.จว.กาญจนบุรี !!! รวบมือรับจ้างขนแรงงานเถื่อน
วันที่ 1 ธ.ค.2564 ตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมข้อสั่งการของ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภุชงค์ ณรงค์อินทร์ ผกก.สภ.ไทรโยค กวดขัน ตรวจตรา จับกุม การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ของแรงงานต่างด้าว ชาวเมียนมาเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย โดยวิธีเดินเท้าเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ท้องที่ อ.ไทรโยค จว.กาญจนบุรี จึงได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ลาดหญ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยค และสาธารณสุข อ.ไทรโยค ออกหาข่าวพร้อมลาดตระเวน และจุดชุดกำลังซุ่มโป่งตามเส้นทางต้องสงสัยว่าขบวนการดังกล่าวจะใช้เป็นเส้นทางในการเดินทาง จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์กระบะ อีซูซุ แวน หมายเลขทะเบียน นข4454 กาญจนบุรี วิ่งมาตามถนนบ้านสามัคคีธรรม ม.5 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จว.กาญจนบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่คนขับไม่ยอมหยุดให้ตรวจค้นและพยายามเร่งเครื่องขับหลบหนีไปสุดท้ายไปจนมุมที่บริเวณไร่สับปะรด ทางเจ้าหน้าที่พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานั่งแออัดยัดเยียดมาเต็มคันรถ จำนวน 24 คน แบ่งเป็นชายจำนวน 12 คน หญิงจำนวน 12 คน ส่วนคนขับ นายอนันต์ (ขอสงวนนามสกุล)หรือ แรม อายุ 29 ปี จากการตรวจวัดอุณหภูมิในร่างกายของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.ไทรโยค ผู้ต้องหาทั้งหมด พบไม่เกิน 37.5 องศาฯ แต่เพื่อความไม่ประมาทจะต้องนำตรวจไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่โรงพยาบาลไทรโยคอีกครั้ง
จากการสอบสวนกลุ่มแรงงาน ของเจ้าหน้าที่ทราบว่าตนเป็นชาว จว.พะโค ประเทศเมียนมา โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าเพื่อพาไปทำงานในพื้นที่ จว.ชลบุรี จว.สมุทรประการ กรุงเทพมหานคร และ จว.สมุทรสาคร คนละ 18,000-20,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางการเดินทาง
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า”ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ตาม พบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ส่วนนายอนันต์ ถูกกล่าวหาว่า ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น และช่วยประการใดๆให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”
เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป