เดอะโอ๋ !!! ร่วมแถลงรวบ แก๊งพรานโฉดฆ่าถลกหนัง ‘เสือโคร่ง’
วันนี้ 14 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 15.30 น.ที่สภ.ทองผาภูมิ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปทส.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร.พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 (สส) พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ปส.พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ต.วิสิทธิ์ ศิริสหวัฒน์ ผบก.ศพฐ.7 พล.ต.ต.มานะ กลับสัตบุศย์ ผบก.ปทส.นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวักกาญจนบุรี นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชนายนภเดช เกลียวศิริกุล นายอำเภอทองผาภูมิ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จำนวน 5 คนนายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 1/2565 นายศุภชัย เจริญทรัพย์ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 2/2565 นายจอแห่ง พนารักษ์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 3/2565 นายกูกือ ยินดี อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 4/2565 นายโชเอ (ไม่มีชื่อสกุล) อายุ 66 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 5/2565 ลงวันที่ 13 ม.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์, ร่วมกันเก็บหาของป่าอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆในเขตอุทยานแห่งชาติ, ร่วมกันเข้าไปดำเนินกิจการใดๆเพื่อหาผลประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติ, ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ, ยิงปืนทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิงในเขตอุทยานแห่งชาติ, ร่วมกันทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ในเขตอุทยานแห่งชาติ, ร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมด้วยของกลาง ซากเสือโคร่ง จำนวน 2 ซาก น้ำหนัก 52.5 กิโลกรัม อาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาว ขนาด .22 ติดกล้องเล็ง จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ (ปืนแก๊ป) จำนวน 2 กระบอก กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 50 นัด ปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 5 ปลอก
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวว่าเมื่อวันที่ 12 ม.ค.65 เวลา 19.00 น. ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้ตรวจยึดซากเสือโคร่ง จำนวน 2 ซาก และอาวุธปืนตามบัญชีของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก เพื่อให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปิล๊อก และ สภ.ทองผาภูมิ ได้ร่วมกันสอบสวนสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 13 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนทราบว่า คนร้ายที่ยิงเสือโคร่งดังกล่าว มีจำนวนทั้งสิ้น 5 คน จึงได้ร่วมกันเดินทางเข้าไปติดตามหาตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.30 น. ได้รับแจ้งจาก นายประสาท แดงเถิน ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิฯ แจ้งว่า สามารถติดตามตัวผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 4 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปิล๊อก และสภ.ทองผาภูมิจึงได้ร่วมกันเดินทางไปรับตัวมาสอบสวน ที่ สภ.ทองผาภูมิ และทำการสอบสวนจนทราบว่ายังมีผู้ต้องหาหลบหนีอีก 1 คน ชื่อ นายโชเอ (ไม่มีชื่อสกุล) ซึ่งสามารถติดตามตัวได้ในเวลาต่อมา จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวมรวมพยานหลักฐานยื่นต่อศาล ขออนุมัติออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้งหมด ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับที่ 1-5/2565 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 รายพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ โดยจะสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาสาเหตุของการกระทำความผิด และหากมีกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง จะขยายผลถึงนายทุน และสืบสวนเส้นทางการเงินจนถึงที่สุด ในทั้งนี้ ผบช.ภ.7 ขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป