วันพฤหัสบดี, 14 พฤศจิกายน 2567

เดอะโอ๋ !!! แถลงรวบยกแก๊งรถซิ่งสาย 4 แก๊ง “NA ดิวะ”

30 มี.ค. 2022
65

เดอะโอ๋ !!! แถลงรวบยกแก๊งรถซิ่งสาย 4 แก๊ง “NA ดิวะ”

วันนี้ 29 มีนาคม 2565 ที่สภ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.ภ.7/ผอ.ศปข.ภ.7 พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย อินทรปรีชา รอง.ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงผลการจับกุมรวบแก๊ง“NA ดิวะ” รถซิ่งสาย 4 ยกแก๊งผู้ต้องหาจำนวน 10 คนพร้อมรถยนต์ของกลาง จำนวน 9 คัน
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่าตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี,รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในเรื่องการป้องกันปราบปรามเกี่ยวกับการแข่งรถในทางสาธารณะ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนรำคาญ แก่ พ่อ แม่ พี่ น้องประชาชน ที่ใช้รถสัญจรไปมาและประชาชนที่พักอาศัยในพื้นที่บริเวณดังกล่าว จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีตามที่มีข้อมูลปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ที่ได้นำเสนอคลิปการขับขี่รถในลักษณะคล้ายเป็นการแข่งขันรถยนต์บนถนนพุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 01.30 น.ที่บริเวณถนนพุทธสาคร กม.5+900 หน้าร้านโชคชัยวัสดุก่อสร้าง ถ.พุทธสาคร อ.กระทุ่มแบน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางที่กลุ่มรถยนต์ดังกล่าวใช้แข่งขัน และรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นได้มีการนัดหมายแข่งรถกันทางแอปพลิเคชันไลน์ LINE ชื่อกลุ่ม “NA ดิวะ” มีผู้ทำหน้าที่แอดมินชักชวนบุคคลในกลุ่มให้มาประลองความเร็วและนัดหมายสถานที่ในการแข่งรถยนต์ ทั้งนี้ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพิสูจน์ทราบพบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้อง จากนั้นติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี พร้อมยึดรถของกลาง และส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแขวงสมุทรสาครพล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยอีกว่าโดยผู้ต้องหาที่ 1 ทําหน้าที่เป็นแอดมิน กลุ่มนัดหมายและกําหนดสถานที่การประลองความเร็ว เป็นผู้บันทึกคลิปวีดิโอขณะรถยนต์ ประลองความเร็วกันบริเวณเกาะกลางถนน ผู้ต้องหาที่ 2 ผู้ทําหน้าที่ เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่ม ทําหน้าที่แอดมิน,ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง,ให้สัญญาณกระบองไฟ ผู้ต้องหาที่ 3 ทําหน้าที่ใช้กระบองไฟ ให้สัญญาณปล่อยรถแข่งขัน โดยดําเนินคดีผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดฐาน“เป็นผู้จัดให้มีการแข่งรถในทางเดินรถโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนาย ทะเบียน, จอดรถกีดขวางจราจร, ขับรถโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และชุมนุมการทํากิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ สถานที่ใด ๆ หรือการกระทําดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบตามประกาศของจังหวัด สมุทรสาคร” ผู้ต้องหาที่ 4 ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ผู้ต้องหาที่ 5 ผู้ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ผู้ต้องหาที่ 6 ผู้ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ผู้ต้องหาที่ 7 ผู้ทําหน้าที่ ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ผู้ต้องหาที่ 8 ผู้ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 9 ผู้ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 10 ผู้ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยดําเนินคดี ผู้ต้องหาที่ 4 – 10 ในความผิดฐาน “ร่วมกันแข่งรถในทาง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร,จอดรถกีดขวางจราจร,ขับรถโดยไม่คํานึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และชุมนุมการทํา กิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ สถานที่ใด ๆ หรือการกระทําดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบตามประกาศของจังหวัด สมุทรสาคร” ผู้ต้องหาที่ 11 ผู้ขับขี่รถยนต์เข้าร่วมแข่งขันรถในทาง(อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดําเนินคดี)

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวว่าต่อมาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2565 ศาลแขวงสมุทรสาครมีคำพิพากษาลงโทษสำหรับผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพทั้งหมดนั้นถูกศาลแขวงสมุทรสาครสั่งพิจารณาคดีแล้วผู้ต้องหาที่ 1 กักขัง 1 เดือน 15 วัน,พักใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 6 เดือน ผู้ต้องหาที่ 2-3 กักขัง 1 เดือน 15 วัน,พักใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 6 เดือน และ ริบรถยนต์ของกลาง ผู้ต้องหาที่ 4-7 กักขัง 1 เดือน 15 วัน,พักใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 6 เดือน และ ริบรถยนต์ของกลาง ส่วน ผู้ต้องหาที่ 8-10 อยู่ระหว่างดําเนินคดีในชั้นศาล(เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ)

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า จากกรณีการแข่งรถในทางนั้นได้มีการสั่งการในภาพรวมของตำรวจภูธรภาค 7 ทั้ง 8 จังหวัด 104 สถานี โดยจะสั่งให้ทุกจังหวัดในพื้นที่ความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 7 ให้มีการยกระดับการป้องกัน การเฝ้าระวังติดตามแอดมินเพจต่างๆ และสิ่งสำคัญคือมีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกให้กับพ่อ แม่ พี่น้องประชาชน ทุกภาคส่วนทราบว่าหากพบเห็นกลุ่มบุคคลที่มีการรวมกลุ่มกันหรือมีการนัดแนะกันเพื่อการประลองความเร็ว แข่งรถในทางเช่นนี้ สามารถแจ้งมาได้ที่ สายด่วน 1599 หรือ 191 หรือ สามารถส่งคลิปวิดีโอหลักฐานมาทาง เพจเฟจบุ๊ก “ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร.”ได้ตลอด 24 ชม. โดยจะมีเงินรางวัล 3,000 บาท ให้กับผู้แจ้งในกรณีที่มีการจับกุมได้ ขณะที่ภาคตำรวจเองก็มีแผนปฏิบัติการในการป้องกันการแข่งรถในทางทุกเส้นทาง ทั้งแผน 9 สกัดจับ และแผนเฝ้าระวังเหตุ
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ และการรับเรื่องร้องเรียนจากทุกช่องทางอีกด้วย พร้อมกันนี้ก็จะส่งฝ่ายสืบสวนไปทำการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลโดยละเอียดเพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี และเรื่องนี้ถึงแม้ไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง แต่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เป็นนโยบายในการดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ ซึ่งถ้าผู้กระทำผิดเป็นเด็กนั้นทางผู้ปกครองจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย และจะขอให้ศาลสั่งริบรถทุกรายถือเป็นมาตรการเด็ดขาดสำหรับผู้ที่กระทำความผิด จึงขอฝากถึงน้องๆ เยาวชน และกลุ่มวัยรุ่น รวมถึงผู้ที่กระทำความผิดด้วยการนำรถมาแข่งในทางสาธารณะสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนนั้น ให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะนอกจากจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว ผู้ที่กระทำผิดยังจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายและต้องถูกยึดรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์อีกด้วย
ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังสืบสวนหาข่าวและเข้าตรวจสอบผู้กระทำความผิด ตามคติ “คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนทำผิดต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์” จนกระทั่งสามารถจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในนามของตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงพี่น้องประชาชน ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนปราบปรามแกงค์รถซิ่ง แข่งรถในทาง ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน อย่างเต็มที่เพื่อสร้างความปลอดภัยและความสงบสุขให้แก่พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ได้ฝากเตือนกลุ่มที่จะนัดหมายแข่งรถในทาง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตำรวจภูธรภาค7 ได้มีมาตรการในการปราบปราบการกระทำความผิดดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และฝากถึงผู้ปกครองให้สอดส่องดูแลบุตรหลาน หากพบบุตรหลานกระทำความผิดดังกล่าว ผู้ปกครองจะมีความผิดตามกฎหมายด้วย
ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

Loading