กาญจนบุรี – ไม่รอดสายตาแม้มีผ้าแสลนสีเขียวปิดอำพรางสายตา อส.ตร.ร่วมกับ ตร.ประจำจุดตรวจตำบลชะแล ขับรถไล่จับขบวนการขนแรงงานต่างด้าวก่อนประสานตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ จับกุมได้ในที่สุด
วันนี้ 09 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ.สภ.ทองผาภูมิ ชุดจับกลุ่มได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจสามแยกทองผาภูมิ ขณะปฎิบัติหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายตรวจตำบลชะแล ว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยกระบะปิดท้ายด้วยผ้าใบเขียว ขับด้วยความเร็วผ่านที่ทำการสายตรวจตำบลชะแล มุ่งหน้าจุดตรวจสามแยกทองผาภูมิ ชุดจับกลุ่มจึงได้ขับรถยนต์สายตรวจวิ่งสวนทางไปเพื่อตรวจสอบ และเมื่อไปถึงหน้าร้านโต๊ะกาแฟบ้านล่อง หมู่ 4 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ พบรถยนต์กระบะนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีดำหมายเลขทะเบียน บน 714 กาญจนบุรี ขับสวนทางลงมาตรงตามที่ได้รับแจ้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจเรียกรถยนต์คันดังกล่าวทราบชื่อผู้ขับในเวลาต่อมาคือนายสถาพร แซ่เล้า อายุ 32 ปี อาศํยอยู่ บ้านเลขที่ 67 หมู่ 2 ตำบลหนองปลาไหล อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี จากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าวพบแรงงานต่างด้าวนั่งแออัดอยู่ภายในรถจำนวน 11 คน และนอนอยู่หลังกระบะรถยนต์อีกจำนวน 8 คน โดยมีผ้าแสลนสีเขียวปิดอำพรางสายตา
จากการตรวจสอบพบว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 19 คน ไม่มีเอกสารประจำตัวหรือเอกสารใดๆนำมาแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถาม นายสถาพร แซ่เล้า ผู้ต้องหารับว่าตนเองใช้โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อoppo หมายเลขเบอร์โทรศัพท์ 0936538620 ได้รับการชักชวนจาก นายอุดร จันทร์ชัย อยู่บ้านเลขที่ 79 หมู่ที่5 ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนของตนให้ไปรับแรงงานต่างด้าวบริเวณข้างทาง 323 ห่างจากจุดตรวจตำบลชะแลประมาณ 2กิโลเมตรเพื่อนำไปส่งพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยจะได้รับเงินค่าจ้างหัวละ 2,200 บาทเมื่อไปส่งถึงที่หมาย ตนเองรู้อยู่แล้วว่ารายงานต่างด้าว ดังกล่าวเป็นบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
สอบถามนายวัยทู ไม่มีนามสกุล อายุ 45 ปี สัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้ รับว่าตนเองและพวกได้เดินทางมาจากประเทศเมียนมาร์ได้ประมาณสองวันโดยมีคนนำพาเดินเท้าเข้ามาในประเทศไทย โดยผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ ต่อด้วยการนั่งเรือ และรถ จากสังขละบุรี จนมาถึงจุดที่ นายสถาพร นำรถไปรับบริเวณข้างทาง 323 เลยจุดตรวจตำบลชะแล โดยพวกตนจะเดินทางไปทำงานในพื้นที่ชั้นใน โดยตกลงเสียค่าเดินทางคนละ 23,000 บาทถึง 28,000 บาท เมื่อไปถึงที่หมาย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกลุ่มจึงได้แจ้งให้ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดจะต้องถูกจับดำเนินคดีในข้อหาผู้ต้องหาที่หนึ่งกระทำความผิดฐานซ่อนเร้นช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดใดเพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายผลจากการจับกลุ่ม
ส่วนผู้ต้องหาที่สองและ 19 (แรงงานเมียนมา) กระทำความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตและก่อนนำผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิเพื่อดำเนินการสอบสวนขยายผล ติดตามจับกุมผู้ที่ร่วมขบวนการขนแรงงานต่างด้าวในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปรีชา ไหลวารินทร์ / กาญจนบุรี