ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 !!! ตรวจเยี่ยมกำลังพล พร้อม มอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อ บำรุงขวัญ กำลังใจ ในการปฎิบัติหน้าที่
วันนี้ 31 ต.ค.65 ที่สภ.สระแก้ว จว.สุพรรณบุรี พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อตรวจเยี่ยมสภ.สระแก้ว ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมติดตามขับเคลื่อนตามนโยบายของ ผบ.ตร. และตรวจความพร้อมของกำลังพล ที่ทำการมีความสะอาดเรียบร้อย มีจุดคัดกรองโรค มีหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ ไว้บริการพ่อ แม่ พี่น้องประชาชน มีที่จอดรถสำหรับประชาชนที่มาติดต่อราชการไว้เพียงพอ พร้อมมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค จำพวก ข้าวสารถุงละ 5 กก. จำนวน 20 ถุง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จำนวน 2 ลัง น้ำตาล จำนวน 10 กก.น้ำปลา จำนวน 1 ลังน้ำดื่ม จำนวน 20 แพ็ค หน้ากากอนามัย จำนวน500 อัน เจลแอลกอฮอล์ จำนวน 5 ลัง เครื่องดื่มคาราบาวแดง จำนวน 4 ลัง ผลไม้กระป๋อง จำนวน 1 ลัง นมจืด จำนวน 2 ลัง น้ำมะพร้าว จำนวน 1 ลัง เชนไดร้ท์ จำนวน 1 ลัง รองเท้าผู้ชาย จำนวน 30 คู่ รองเท้าผู้หญิง จำนวน 20 คู่ รองเท้าเด็ก จำนวน 20 คู่ พัดลม 14 นิ้ว จำนวน 3 ตัว เพื่อบำรุงขวัญ กำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจสภ.สระแก้ว
โดยมี พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.สมพร พุกหอม รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สระแก้ว พร้อมคณะกต.ตร.สภ.สระแก้ว และข้าราชการตำรวจ สภ.สระแก้ว รอให้การต้อนรับการตรวจและเข้าร่วมการประชุม
จากนั้นพลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นประธานในการประชุม“มอบนโยบายการบริหารราชการให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัด สภ.สระแก้ว ”
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวในที่ประชุมโดย ได้กำชับให้ปฏิบัติ ตามนโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ ผบ.ตร.”เป็นตำรวจมืออาชีพ ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน” วิสัยทัศน์ตำรวจภูธรภาค 7 “ภักดีองค์ราชันมุ่งมั่นสร้างศรัทธา พัฒนาเป็นมืออาชีพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม นำสมัย เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และวิสัยทัศน์ ผบช.ภ.7 ” ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” ไปปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และ ต้องทำงานกันเป็นทีม ยึดมั่นในระเบียบวินัย บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน และดำรงตนอย่างมีเกียรติ โดยการทำงานต้องประกอบด้วย”หลักการทำงาน 4443″ 4 เกาะ” เกาะติดพื้นที่ เกาะติดประชาชน/มวลชน/และชุมชน เกาะติดคนร้ายหรือเกาะติดศัตรูของประชาชน และเกาะติดผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเกาะติดลูกน้อง “4 ยก” ยกระดับองค์ความรู้ ยกระดับวิธีคิด ยกระดับวิธีการทำงาน และ ยกระดับการใช้ดุลพินิจ “4 ทำ” ทำงาน ทำดี ทำบุญ และมีภาวะผู้นำ “3 S” Smart Smile Strong และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติ และพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชา ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง แบบแผนธรรมเนียมของทางราชการอย่างสม่ำเสมอโดยใกล้ชิด และสร้างขวัญกำลังใจ ความสามัคคี ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น และสร้างความเชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชนเพื่อให้ยอมรับว่าข้าราชการตำรวจเป็นมิตรที่ดีของประชาชน เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 2537
เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ตรวจสอบควบคุมกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การกระทำความผิดใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ห้ามมิให้เรียกรับผลประโยชน์ การจับกุมในลักษณะกลั่นแกล้ง มีส่วนพัวพันกับการกระทำความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการทางวินัย คดีอาญาและปกครองอย่างถึงที่สุด พร้อมกำชับให้มีการฝึกทบทวนทางยุทธวิธีทั้งฝ่ายป้องกันปราบปรามและฝ่ายสืบสวนเป็นประจำสม่ำเสมอ ให้เกิดความคุ้นชินเมื่อต้องปฏิบัติ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความสูญเสียแก่เพื่อนพี่น้องข้าราชการตำรวจ และกรณีประชาชนร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนรำคาญ จากการแข่งรถในทาง สถานบันเทิงเปิดเพลงเสียงดัง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใส่ใจที่จะแก้ปัญหาการร้องเรียนดังกล่าว อย่าปล่อยปละละเลย จนเกิดการร้องเรียนซ้ำซาก และอย่าให้มีการนำเสนอข่าวว่า “ตำรวจไม่เป็นที่พึ่งของประชาชน” และ ปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ เป็นภารกิจเร่งด่วนของผบ.ตร.ให้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อ หากพบการกระทำความผิดดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ถึงที่สุด
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า ในส่วนปัญหายาเสพติดเป็นภารกิจเร่งด่วนของ ผบ.ตร.มุ่งเน้นใช้วิธีการบำบัดยาเสพติดต่อผู้เสพ เพื่อคืนคนดีสู่สังคมตามนโยบายรัฐบาล โดยปฏิบัติการเชิงรุกซักถามถึงแหล่งที่มาและเครือข่าย เพื่อจัดทำฐานข้อมูลในการติดตามจับกุมและขยายผลต่อไป พร้อมทั้งเน้นย้ำให้มีการตรวจคลังอาวุธตามวงรอบ และให้มีการสุ่มตรวจอยู่เป็นประจำ ให้มีการมอบหมายผู้มีอำนาจในการเปิดคลังอาวุธอย่างน้อย 2 คนและให้มีการสุ่มตรวจหาสารเสพติดในร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดทุกนายพร้อมทั้งให้เร่งรัดการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืน ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ ฯลฯ ตามที่ ตร.ได้สั่งการ