วันเสาร์, 28 ธันวาคม 2567

ผู้บัญชาการภาค 7 สรุปผลการปฏิบัติภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี ”สามารถจับกุมทั้งสิ้น 10,620 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 10,605 คนพร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น – ยาว จำนวน 1,077 กระบอก ยาเสพติดจำนวนมาก

ผู้บัญชาการภาค 7 สรุปผลการปฏิบัติภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี ”สามารถจับกุมทั้งสิ้น 10,620 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 10,605 คนพร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น – ยาว จำนวน 1,077 กระบอก ยาเสพติดจำนวนมาก

วันนี้ 10 พ.ย. 65 ที่บริเวณอาคารตำรวจภูธรภาค 7 จว.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีนรอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วรายุทธ สุขวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.จักษ์ จิตตธรรม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.สุเมธ ปุณสีห์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ปรีดา อิ่มเจริญ ผบก.ศฝร.ภ.7 พล.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ ผบก.กค.ภ.7 ผกก.หัวหน้าสถานีทั้ง 104 สถานี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลการระดมกว้างล้างอาชญากรรม ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี ”

โดยมีผลการจับกุม ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม 2565 – 8 พฤศจิกายน 2565 (รวม 30 วัน) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม และ วัตถุระเบิด จับกุม 1,334 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 1,336 คน ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด ( On Ground ) สามารถจับกุม 56 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 56 คนความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด (Online) สามารถจับกุมจำนวน 17 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 17 คน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถจับกุมจำนวน 7,430 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 7,415 คน จับกุมบุคคลตามหมายจับสามารถจับกุมจำนวน 1,783 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 1,781 คน รวมผลการจับกุมทั้งสิ้น 10,620 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 10,605 คน พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น – ยาว จำนวน 1,077 กระบอก อาวุธปืนสงคราม AK-47 จำนวน 2 กระบอก วัตถุระเบิด (ปิงปอง) จำนวน 886 ลูก เครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวน 3,486 นัด ยาบ้า จำนวน 638,627 เม็ด เฮโรอีน จำนวน 6,989 กรัม ยาไอซ์ จำนวน 6,492 กรัม ยาเค จำนวน 1,427 กรัม ยาอี จำนวน 417 เม็ด
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวว่า เนื่องด้วยปัจจุบันมี สถานการณ์ การก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญที่มีการใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิดอยู่บ่อยครั้ง สร้างความสูญเสียแก่ชีวิต ทรัพย์สิน และความหวาดกลัวภัยของประชาชนมากยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อสังคม และความสงบเรียบร้อยของพ่อ แม่ พี่น้องประชาชนโดยรวม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงซึ่งมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ให้บังเกิดผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.มีวิทยุ ด่วนที่สุด ที่ 0007.22/4623 ลงวันที่ 9 ต.ค.65 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดม กวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม – 8 พฤศจิกายน 2565 (30 วัน) โดยกำหนดเป้าหมายเน้นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และบุคคลตามหมายจับ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 ได้ปฏิบัติการเชิงรุก ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ภายใต้แผนยุทธการ “พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี” พร้อมกันทั้ง 8 จังหวัด 104 สถานี

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า การแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในวันนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 7 จริงจังกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม เพื่อป้องปรามผู้ที่คิดจะกระทำความผิดให้ยุติบทบาท โดยตำรวจภูธรภาค 7 จะมุ่งมั่นทำการปราบปรามอาชญากรรมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง

ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 7 ขอขอบพระคุณทุกภาคส่วนและพี่น้องประชาชน ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตำรวจภูธรภาค 7 จะมุ่งมั่นทำงานตามวิสัยทัศน์ของ ผบช.ภ.7 ที่ว่า “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น ศรัทธา มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเพื่อให้นโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรลุวัตถุประสงค์สูงสุด

Loading