โจรโหดฆ่าชิงทรัพย์แม่ค้าอาหารตามสั่งดับคาบ้านพัก
วันที่ 29 พ.ย.65 ร.ต.อ.เฉลิมพล แต้มรุ่งเรือง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตที่เกิดเหตุบริเวณบ้านเลขที่ 99/11 ม.9 ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม จว.นครปฐม หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ รีบรุดไปยังจุดเกิดพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ณัฐพิสิษฐ์ รัตนอุดมพล ผกก.กก.สส.1 บก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.อรรถการ กองสุผล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.สานิตร ไชยอิ่นคำ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภาค 7 ชุดสืบสวน ภ.จว.นครปฐม และสืบสวนเมืองนครปฐม กองพิสูจน์หลักฐาน 7 แพทย์เวร มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ร่วมเดินทางไปที่เกิดเหตุ
ที่บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 3 ห้องเจาะทะลุติดกัน ที่หน้าบ้านเปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ภายในบ้านเจ้าหน้าที่พบศพ นาง น้ำอ้อย เวสสะภักดี อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน อาชีพขายอาหารตามสั่งและเป็นแม่ค้าขายขนมตามตลาดนัด สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ที่พื้นภายในบ้าน จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอกเหนือราวนมซ้ายจำนวน 1 นัด กระสุนฝังใน นอกจากนี้ใกล้กันเจ้าหน้าที่ยังพบมีดพร้ายาวประมาณ 30 เซนติเมตร วางอยู่ข้างตัว จากการตรวจสอบทรัพย์สินภายในร่างกายของนางน้ำอ้อย ผู้ตายพบว่าสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมจี้ทองรูปกระต่ายที่สวมใส่อยู่หายไป
พ.ต.อ.พงษกร กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าภายในบ้าน โดยปรกติแล้วจะมีสมาชิกอยู่ด้วยกัน 4 คน มีบุตรสาว และลูกเขย รวมถึงหลานสาววัย 5 ขวบอยู่ด้วย แต่ในช่วงเกิดเหตุ บุตรสาวนาง น้ำอ้อย ออกจากบ้านไปซื้อของนอกบ้าน ส่วนบุตรเขยออกไปทำงาน เหลืออยู่เพียงแค่หลานสาว อายุ 5 ขวบ กับนาง น้ำอ้อย ผู้ตาย โดยในช่วงเกิดเหตุทราบว่ามีชาย 1 คน ขี่รถ จักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ มาที่ร้านและเดินเข้าไปในร้านของนาง น้ำอ้อย ผู้ตาย จากนั้นข้างบ้านได้ยินเสียงเหมือนทะเลาะกันในช่วง 17.00 น.จากนั้นเสียงก็เงียบหายไปไม่มีคนได้ยินเสียงปืนเพราะคนข้างบ้านออกไปทำงานกันหมดยังไม่กลับมา
พ.ต.อ.พงษกร กล่าวต่อว่า จากการสอบถาม นายธันพันธุ์ ผิวคำ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9809 ม.9 ต.หนองงูเหลือม อ.เมืองนครปฐม จว.นครปฐม ผู้ที่พบศพนาง น้ำอ้อย เป็นคนแรก เปิดเผยว่า ปกติแล้วตนจะถีบจักรยานมาหานางน้ำอ้อยทุกวันทั้ง เช้า และ เย็น ทั้งมากินข้าวและช่วยเก็บของ เพราะเห็นว่านาง น้ำอ้อย ผู้ตายเป็นคนใจดี บางครั้งไม่มีเงินก็เรียกตน กินข้าว เป็นคนมีน้ำใจบางครั้งก็ให้เงินเพราะเห็นว่าตนยากจน เมื่อตนเองถีบจักยานมาถึงบ้านนาง น้ำอ้อย ผู้ตายตนจอดรถหน้าบ้าน เห็นนาง น้ำอ้อย ผู้ตายนอนแน่นิ่งอยู่กลางบ้าน แต่ตนก็ไม่กล้าเข้าเพราะประตูเหล็กเป็นลูกกรงด้านหน้าสูงประมาณ 1 เมตร ปิด-เปิดช่องเพียงแค่คนเดิน จึงไม่กล้าเข้าตะโกนเรียก ซึ่งตนเองนึกว่านาง น้ำอ้อย ผู้ตายเป็นลม ตนจะเข้าไปก็ไม่กล้าเข้าเพราะกลัวว่าเดี๋ยวคนเห็นจะหาว่าตนเข้าไปรวนลาม จึงตะโกนเรียกอยู่นาน ตนเห็นแต่เด็กผู้หญิงนั่งอยู่ที่ม้าหินหน้าบ้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับคนข้างบ้านกลับมาจากที่ทำงานตนเลยบอกว่าเห็นนางน้ำอ้อย ผู้ตายนอนแน่นิ่งอยู่สงสัยจะเป็นลม ตนจึงขอให้เข้าไปช่วยกันปลุกและตรวจหน่อยว่าเป็นอะไร คนข้างบ้านเลยเข้าไปด้วยเห็นยังตัวอุ่นอยู่เลยช่วยปั้มหัวใจแต่ปรากฏว่าเห็นรอยกระสุนปืนและมีเลือดออกเสียชีวิตแล้วเลยแจ้งตำรวจ ซึ่งตอนยิงไม่มีใครได้ยินเสียงปืนเลย ตร.จึงบันทึกปากคำไว้
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อ น.ส.ปิยณัฐ เวสสะภักดี อายุ 32 ปี ลูกสาวของนางน้ำอ้อย ให้รีบเดินทางมาที่บ้านเพราะแม่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อน.ส.ปิยณัฐ มาถึงบ้าน เมื่อเห็นศพแม่ต่างวิ่งเข้าไปกอดศพร้องไห้ เจ้าหน้าที่ต้องกันไม่ให้เข้าไปใกล้ศพ จึงเดินไปกอดบุตรสาวอายุ 5 ขวบร้องไห้ พร้อมกับเผยว่าตนเองทิ้งลูกให้อยู่กับแม่ เพราะออกไปหาซื้อสิ่งของนอกบ้าน ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไร มาทราบกับตำรวจว่าแม่ถูกยิงเลยรีบกลับมา น.ส.ปิยณัฐยังเผยอีกว่า เมื่อดูศพแม่แล้วปรากฏว่าสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมจี้รูปกระต่ายเป็นทอง ที่แม่ใส่อยู่ประจำหายไปจากคอ คาดว่าคนร้ายที่ยิงแม่จะเอาไปด้วย ตำรวจจึงบันทึกปากคำไว้
ทางด้าน พ.ต.อ.พงศกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม เผยว่าขณะนี้ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนออกตรวจดูตามบ้านเรือนใกล้เคียงที่เกิดเหตุและบริเวณทางแยก ให้สังเกตรูปพรรณของรถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ในช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุมีใครขี่ผ่านเส้นทางหน้าบ้านผู้ตายหรือไม่ ในเบื้องต้นต้องรอสอบสวน บุตรสาวของผู้จาย ว่าแม่เคยมีปัญหากับใครหรือไม่ หรือมีชายมาติดพันธ์หรือไม่ ซึ่งอาจจะเกิดจากเรื่องชู้สาว หรือคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะพฤติกรรมของคนร้ายเท่าที่สอบสวนพบว่า เข้ามาที่ร้านค้าทั้งที่ร้านปิดขายของแล้ว และมีการพูดคุยกันจนถึงขั้นทะเลาะแล้วใช้ปืนยิง น่าจะเป็นคนรู้จัก ส่วนเรื่องสร้อยที่หายไปนั้น อาจจะเป็นการอำพราง หรือตั้งใจมาจี้ชิงทรัพย์และผู้ตายหวงจะคว้ามีดคนร้ายเลยยิง ยังไม่ทราบขยาดของปืนเพราะกระสุนฝังในถูกจุดสำคัญเลยทำให้เสียชีวิต ต้องรอผ่าพิสูจน์ก่อน ขณะนี้กำลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดถึงเส้นทางหลบหนีของคนร้าย