วันเสาร์, 23 พฤศจิกายน 2567

ศรีสะเกษ !! อำเภอขุนหาญเปิดโครงการนมัสการสรงน้ำแห่หลวงพ่อพระตาตน ประจำปี 2566 วัดสำโรงเกียรติ

ศรีสะเกษ !! อำเภอขุนหาญเปิดโครงการนมัสการสรงน้ำแห่หลวงพ่อพระตาตน ประจำปี 2566 วัดสำโรงเกียรติ

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2566 ที่วัดสำโรงเกียรติ ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระครูอรุณปุญโญภาส เจ้าอาวาสวัดสำโรงเกียรติและนายพรชัย วงศ์งาม นายอำเภอขุนหาญ ได้เป็นประธานเปิดโครงการนมัสการสรงน้ำแห่หลวงพ่อพระตาตน ประจำปี 2566 โดยมีนายบวรพัฒน์ รุ่งคำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบักดอง และนายทิวา รุ้งแก้ว นายกพุทธสมาคมจังหวัดศรีสะเกษ นำข้าราชการ พนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลบักดอง และประชาชนในเขตบลบักดอง ร่วมเปิดโครงการนมัสการสรงน้ำแห่หลวงพ่อพระตาตน เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่และอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมอันดีของตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานวัฒธรรมประเพณีท้องถิ่นให้เป็นมรดกสืบทอดต่ออนุชนรุ่นหลัง เพื่อสร้างความสามัดคีและการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของประชาชนชาวตำบลบักดอง และเพื่อส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และการท่องเที่ยวของอำเภอขุนหาญให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างทั่วไป

พระครูอรุณปุญโญภาส เจ้าอาวาสวัดสำโรงเกียรติ กล่าวว่า หลวงพ่อพระตาตน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ประดิษฐานไว้ ณ วัดสำโรงเกียรติ หมู่ที่ 8 ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เป็นพระพุทธรูปแบบขอมโบราณ ปางสมาธิสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตักกว้าง 4 นิ้ว สูง 5 นิ้ว สร้างด้วยเกสรดอกไม้ผสมครั่งหรือชันปั้น แต่ไม่ปรากฎหลักฐานว่าสร้างตั้งแต่เมื่อใด สาเหตุที่พระพุทธรูปองค์นี้ถูกเรียกขานว่า “พระตาตน” เพราะตั้งตามชื่อของคนที่นำมาถวาย คือ นายตาตน เป็นชาวเขมรต่ำ มีญาติอยู่ที่บ้านสำโรงเกียรติไปมาหาสู่กันเป็นประจำ วันหนึ่งนายตาตนได้นำไซไป จับปลาที่ร่องน้ำเชิงเขาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านสำโรงเกียรติ ได้ไปกู้ใซที่ดักเอาไว้ไม่พบปลา แต่ได้เห็นพระพุทธรูปติดไซอยู่ จึงเอาออกแล้วโยนลงน้ำคืนที่เดิมครั้นวันรุ่งขึ้น นายตนไปกู้ใซอีก เห็นพระพุทธรูปติดไซอยู่เช่นเดิม ลองพิจารณาเห็นว่าเคยโยนพระพุทธรูปลงน้ำแล้ว แต่พระพุทธรูปยังมาติดไซอีก จึงคิดว่าคงเป็นสิ่งสักดิ์สิทธิ์ได้นำมาฝากไว้ที่บ้านญาติ ครั้นตกเวลากลางคืน ญาติฝันว่านำพระ เข้าบ้านจะไม่เป็นมงคลให้นำไปฝากไว้ที่วัด นายตาตนจึงได้นำพระพุทธรูปเกสร ไปถวายวัดสำโรงเกียรติ เพื่อเป็นสมบัติของวัดต่อไป เจ้าอาวาสจึงแจ้งให้ญาติโยมประชาชนใกล้เคียงได้ทราบทั่วกัน ต่างพากันมานมัสการอย่างคับคั่งและเรียกขานว่า”หลวงพ่อพระตาตน”

เจ้าอาวาสวัดสำโรงเกียรติ กล่าวต่อไปว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒o พระยายุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ อาราธนาพระตาตนไปประดิษฐานไว้ ณ เมืองขุขันธ์ หรืออำเภอขุขันธ์ ได้จัดขบวนข้างม้าอัญเชิญหลวงพ่อพระตาตนขึ้นบนหลังข้างและขบวนออกจากวัดสำโรงเกียรติ จะข้ามสะพานหัวยทาไปเพียงเล็กน้อย เกิดตมพายุพัดมาทั้ง 4 ทิศ ฝนก็ตกมาอย่างหนัก ช้าง ม้า หมอบกราบลงกับพื้น เสียงฟ้าร้องคำรามรามกับแผ่นดินจะถล่ม เจ้าเมืองยุขันธ์เชื่อในความศักสีสิทธิ์และปฏิหาริย์ จึงได้ประกาศว่า ถ้าลมฝนหยุดตกก็จะนำหลวงพ่อพระดาตนกลับวัดสำโรงเกียรติไว้ที่เดิม พอประกาศเร็จลมฝนก็หยุดทันที เจ้าเมืองขุขันธ์ จึงให้นำขบวนข้างมัากลับ นำหลวงพ่อพระตาตนไปประสดิษฐานวัดสำโรงเกียรติ ต่อมาไม่นานได้เกิดไฟใหม้กุฏิที่หลวงพ่อพระตาตน ไฟใหม้หมดทั้งหลัง ชาวบ้านเข้าใจว่าหลวงพ่อพระตาตน ถูกไฟไหม้หมดอย่างแน่นอน คืนวันต่อมามีชาวบ้านฝันเห็นพระตาตนอยู่ในบ่อลึกและบอกว่าหนาวมาก แต่ผู้ฝันจำไม่ใด้ว่าอยู่บ่อไหนและได้เล่าให้คนฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะผู้ฝันเป็นเด็กพอตกเย็นวันหนึ่งชาวบ้านได้มาตักน้ำที่บ่อน้ำภายในวัด มองลงไปเห็นหลวงพ่อพระตาตน ลอยน้ำอยู่คิดว่าคงเป็นกบ เมื่อยกถังน้ำขึ้นมาก็เห็นหลวงพ่อพระตาตน ลอยอยู่ในถัง จึงบอกชาวบ้านให้มาดูและได้อาราธนาหลวงพ่อพระตาตนไว้ที่เดิม ความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารต่างๆมากมาย ทำให้มีผู้คนเลื่อมใสศรัทธามาก และส่วนมากชาวบ้านจะมาบนบานในเรื่องประสงค์จะได้บุตรธิดาและอื่นๆอีกหลายประการ ส่วนผู้ที่ได้รับผลสมปรารถนาตามที่ได้บนบานต้องมาแก้บนตามที่บนบานเอาไว้ ส่วนการแก้บน หลวงพ่อพระตาตน คือ การบวชอยู่ชั่วคราวหรือตลอดไป ถือเป็นการบนที่ได้กุศลอย่างสูง

ข่าว/ภาพ…… บุญทัน-ปฐมพงษ์ ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

Loading