วันจันทร์, 23 ธันวาคม 2567

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 !!! สั่งตรึงเข้ม ตลอดแนวตะเข็บชายแดนกาญจนบุรี สกัดจับ 94 แรงงานด้าวทะลัก ทิ้งถิ่นฐาน บ้านเกิด

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 !!! สั่งตรึงเข้ม ตลอดแนวตะเข็บชายแดนกาญจนบุรี สกัดจับ 94 แรงงานด้าวทะลัก ทิ้งถิ่นฐาน บ้านเกิด

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2567 ที่ตำรวภูธรภาค 7 จว.นครปฐม พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์ ปัญหาแรงงานต่างด้าวทิ้งถิ่นฐาน บ้านเกิด ลักลอบเข้าเมืองตามตะเข็บชายแดน เป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้จังหวัดกาญจนบุรี เร่งรัดดำเนินแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นมีคำสั่งให้ตำรวจในพื้นที่ที่มีชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้านเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ สภ.สังขละบุรี และ สภ.ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบว่ามีการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าวมากที่สุดพื้นที่หนึ่ง หากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา

 

โดยไม่มีการละเว้น ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 , พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวานิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.มนตรี แตงโต ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.อ.สุรชัจ สีมุเทศ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.7 เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า และ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 94 ราย โดยแบ่งเป็นชายจำนวน 58 คน เป็นหญิงจำนวน 31 คนเด็กจำนวน 5 คนพร้อมของกลางรถบรรทุกหกล้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70 – 9437 ราชบุรี รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม๊ค 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ 9301 ลำพูนจำนวน 1 คัน สามารถจับกุมได้ที่บริเวณถนนสาธารณะ ริมแม่น้ำแควน้อย หมู่ 7 นามกุย ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 – 89 ว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า วันนี้ 3 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 07.50 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดด่านตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ พบรถบรรทุกหกล้อ ฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70-9437 ราชบุรี บรรทุกสิ่งของ มีผ้าใบปกปิดมิดชิด ขับมาจากทางด้าน อ.สังขละบุรี – มุ่งหน้าเข้าด่านที่ อ.ทองผาภูมิ ลักษณะคล้ายรถบรรทุกผัก ทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจจึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อขอทำการตรวจสอบแต่รถบรรทุกคันดังกล่าวไม่ยอมหยุดกลับพยามขับผ่านด่านไป ทางเจ้าหน้าที่เกรงว่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมาย หรือรถอาจจะบรรทุกสิ่งอื่นซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าผัก เพราะรถมีเสียงดังผิดปกติ ทางเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจึงได้นำกำลังขับรถสายตรวจเปิดสัญญาณไฟไล่ติดตามไป และได้ส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวหยุด เมื่อผู้ขับขี่รู้ว่าถูกติดตาม จึงพยายามเร่งเครื่องรถและไม่ยอมหยุดรถขับหลบหนี ต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามไล่ติดตามอย่างไม่ลดละ ต่อมามีรถกระบะ อีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ 9301 ลำพูน ได้เร่งเครื่องแซงขึ้นมาพยายามเข้าขัดขวางการไล่ติดตามรถหกล้อ ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา โดยพยายามขับแซงปาดหน้า บังรถเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เข้าใกล้รถหกล้อเหมือนมีเจตนาจะให้รถหกล้อ พ้นจากการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมาถึงที่บริเวณ บ้านกุยแหย่ รถกระบะคันดังกล่าว ได้ขับปาดหน้ารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์สายตรวจ ซึ่งมี ร.ต.ต.รุ่งโรจน์ สูงใจวงษ์ รอง สว.(ป.) และ ด.ต.อชิรวัตติ์ เพชรพิทักโยธิน พลขับ จนรถกระบะอีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน กฉ 9301 ลำพูน ได้เสียหลักพลิกคว่ำ จากนั้นผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวได้เปิดประตูรถวิ่งหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ติดตามอีกชุด จึงได้จอดรถลงตรวจสอบพร้อมตรวจยึดรถมาทำการเพื่อทำการสืบสวนต่อไป

ส่วนรถหกล้อเมื่อเห็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามมาเห็นจวนตัว และไม่สามารถขับหลบหนีไปได้ จึงได้ขับเลี้ยวเข้าไปบริเวณถนนสาธารณะริมแม่น้ำแควน้อย หมู่ 7 นามกุย ตำบล ลิ่นถิ่น อำเภอ ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งบริเวณนั้นเป็นทางตันไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ จึงเปิดประตูรถรีบวิ่งหลบหนีไปที่แม่น้ำแล้วกระโดดน้ำ ว่ายหลบหนีการติดตามของเจ้าหน้าที่ไปได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ติดตามไป จึงได้ทำการตรวจสอบรถคันดังกล่าว เมื่อทางเจ้าหน้าที่เปิดผ้าใบที่คลุมด้านหลังรถออกดู ปรากฏว่าพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวจำนวนมากอยู่อัดแน่นอยู่ภายในรถ จึงได้เรียกให้ลงจากรถ พร้อมทั้งทำการตรวจสอบเอกสาร ของแต่ละบุคคล ปรากฏว่าทุกคนที่มากับรถ ไม่พบเอกสารหลักฐานใดๆติดตัวเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมารวมทั้งสิ้นจำนวน 94 คน เป็นต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 89 คนและผู้ติดตามเป็นเด็กจำนวน 5 คน ซึ่งทุกคนไม่มีเอกสารหลักฐานการอนุญาตให้เข้าเมืองทั้งสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อ น.ส.ไข่มอ มาเป็นล่ามแปล

พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยอีกว่าจากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 – 89 ได้ให้การรับสารภาพว่า พวกตนได้เดินทางหลบหนีมาจากประเทศเมียนมาเข้าเมืองมาตามช่องทางธรรมชาติ ด้านบ้านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567 ช่วงเช้าโดยมีนายหน้าเป็นคนจัดการเรื่องการเดินทางให้ โดยพวกตนจะใช้วิธีการเดินเท้า นั่งรถมา เมื่อเข้ามาถึงพื้นที่ภายในเขตประเทศไทยแล้วให้ไปรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณชายป่าเสร็จแล้วเมื่อถึงเวลานัดหมายช่วงเย็น จะมีรถบรรทุกหกล้อรับมาต่อ โดยพวกตนเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินคนละ 7,000 บาท เพื่อที่พวกตนจะไปทำงานในเขตพื้นที่ จังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาครและ กรุงเทพมหานคร โดยพวกตนจะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อเดินทางถึงที่หมาย จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดังกล่าว

พลตำรวจโท นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า จากการสอบถามแรงงานชายชาวเมียนมาผ่านล่ามว่า ที่พวกตนต้องทิ้งครอบครัว ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดมา เนื่องจากสถานการณ์ไม่สงบภายในประเทศ จึงตัดสินใจข้ามแดนมาประเทศไทยเพื่อหางานทำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงแจ้งให้ทุกคนทราบว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิด จะต้องถูกจับกุมโดยแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 1 – 89 ว่า “ เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ” และได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุมพร้อมทั้งทำการตรวจ ATK หาเชื้อโควิด 19 เบื้องตนไม่พบเชื้อแต่อย่างใด
จึงส่งตัวพร้อมของกลาง ให้พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ สอบสวนขยายผลการจับกุมกลุ่มขบวนการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Loading