สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมกับ สภาวิชาชีพวิทยุและโทรทัศน์ไทย แถลงการณ์ ยื่นตรวจสอบจริยธรรมของพลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณ กรณีแสดงกิริยาไม่เหมาะสม กับนักข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นแบบอย่างและเป็นการปกป้องสิทธิ์ การทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชน
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกหนังสือแถลงการณ์การใช้อำนาจคุกคามสื่อสารมวลชนขณะปฎิบัติหน้าที่ จากเหตุการณ์ที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงกิริยาไม่เหมาะสมกับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
โดยเหตุเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นขณะที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จัดงานเลี้ยงต้อนรับและแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอนสมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33
ซึ่งหลังจบงาน พลเอกประวิตร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า “ได้ติดตามการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้หรือไม่”พลเอกประวิตร ไม่ตอบคำถาม แต่พูดว่า “ถามอะไรๆ ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน“จนมีช่วงหนึ่ง ที่พลเอกประวิตรแสดงอาการทนไม่ไหว ถึงขั้นเงื้อมือ ตบไปที่ศีรษะนักข่าวหญิงของสำนักข่าวไทยพีบีเอส
ซึ่งภายหลังได้มีการติดต่อชี้แจงจากทีมงานหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยให้เหตุผลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการพูดคุยหยอกล้อกันด้วยความคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนานกับผู้สื่อข่าวสายความมั่นคงรายนี้
ขณะที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ได้ติดตามตรวจสอบด้วยความห่วงใยโดยเห็นจากคลิปภาพเหตุการณ์ยืนยันอย่างชัดเจนว่าเป็นการแสดงอาการ โกรธเกรี้ยวในลักษณะคุกคามผู้สื่อข่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินกว่าปกติวิสัยของการพูดคุย หยอกล้อตามที่ทีมงานของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
ได้กล่าวอ้าง ซึ่งหากสังคมปล่อยผ่านเรื่องราวดังกล่าวไปเฉกเช่นที่เคยมีการให้สัมภาษณ์ดูแคลนสื่อมวลชนว่าจบมาจากสถาบันการการศึกษาใดเพื่อส่งผลต่อการด้อยค่าการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้น
โดยหลังจากนี้จะมีการดำเนินการยื่นตรวจสอบด้านจริยธรรมว่าการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมอธิการพ. ศ. 2563 ได้ ประมวลจริยธรรมฯ ข้อ 12 ต้องเคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้อื่นไม่แสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ และข้อ 13 ต้องไม่แสดงอาการข่มขู่อาฆาตมาดร้ายหรือใช้กำลังประทุษร้ายต่อบุคคลอื่นเพื่อจัดลงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์ศรีของการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของปวงชนชาวไทยและเป็นการปกป้องการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนต่อไป