เจดีย์ 1 สั่งพื้นที่ตรึงกำลังเข้มด้านอำเภอสังขละบุรี สกัดกั้น ลักลอบขน แรงงานเถื่อน ยาเสพติด สินค้าหนีภาษี
วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 (สส) พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล รอง ผบช.ภ.7 (ปป) พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูลผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรีพ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สธนทัต ตั้งสิทธิ์เสรีวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี สั่งการให้ พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี พ.ต.ท.กิตติณัติ์ ปรีชาวุฒิวงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.สังขละบุรี พ.ต.ต.ประดิษฐ์ แร่เพชร สว.ธร.สภ.สังขละบุรี รรท.สวป.สภ.สังขละบุรีพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี ประจำจุดตรวจร่วมสะพานรันตี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภ.7 เจ้าหน้าที่ ตชด.134 เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ลาดหญ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสนับสนุนสุนัขทหาร ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 คดี ผู้ต้องหากว่า100 คน
โดยคดีแรก พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่าวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 15.00 น.พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี ได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบกลุ่มบุคคลจำนวนมากลักษณะคล้ายบุคคลต่างด้าวนั่งรวมกลุ่มหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณริมน้ำ(เกาะหิน) หมู่ 4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่บริเวณดังกล่าว พบกลุ่มบุคคลต่างด้าวนั่งรวมกลุ่มกันจำนวนมากเมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงพากันแยกย้าย วิ่งหลบหนีเหมือนผึ้งแตกรัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมติดตามจับกุมตัว นาย ตันโตถ่วย ไม่มีชื่อสกุล อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมาร์ พร้อมพวกรวม 22 คน และผู้ติดตาม 1 คน-มารวมกลุ่มไว้ที่ริมถนน ม.4 ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอทำการตรวจสอบบัตรประจำตัว หรือเอกสารการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีบางส่วนสามารถพูดและเข้าใจภาษาไทยได้ และอีกส่วนไม่สามารถพูดและเข้าใจ ภาษาไทยได้ จึงได้ให้ นาย มน ไม่มีชื่อสกุล (เป็นล่ามแปลโดยตลอด) ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดไม่สามารถแสดงบัตรประจำตัว หรือเอกสารการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้แต่อย่างใด จากการสอบถามนาย โชวิงกู ไม่มีชื่อสกุล ได้ให้การรับสารภาพว่ากลุ่มพวกตนได้เดินทางผ่านทางช่องทางธรรมชาติ โดยใช้วิธีการเดินเท้าและนั่งเรือ มาจากประเทศเมียนมาร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ” เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ”
จากนั้นควบคุมตัวนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเวลาประมาณ 23.00 น.พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและนำไปพักไว้ที่บริเวณชอยหลัง กศน. สามแยกของกาเรีย หมู่ 3.ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี จึงได้นำกำลังเดินทางไปตรวจสอบ บริเวณดังกล่าว พบกลุ่มบุคคลลักษณะตรงกับที่สายลับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจสอบพบนายลาบีอารี พร้อมพวกจำนวน 31 คน พร้อมผู้ติดตาม จำนวน 5 คน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจสอบบัตรประจำตัวหรือเอกสารการอนุญาตให้อยู่ในราชณาจักรของบุคคลทั้งหมด ไม่สามารถแสดงเอกสารสำคัญประจำตัวหรือเอกสารการการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ และไม่สามารถสื่อสารหรือเข้าโจภาษาไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาที่ สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี และขอให้ นายปลาย ไม่มีชื่อสกุล (เป็นพ่อบ้านทำความสะอาดที่สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี) เป็นล่ามแปลภาษา
จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1-31 ผ่านล่ามแปลภาษาได้ให้การรับสารภาพว่าพวกตนได้ลักลอบเข้ามายังประเทศไทยโดยผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อที่จะไปทำงานยังพึ่งพื้นที่ตอนใน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน ส่วนค่าเดินทางนั้นพวกตนจะจ่ายก็ต่อเมื่อพวกตนถึงที่หมายแล้วโดยทางญาติเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-31 ผ่านล่ามแปลภาษาว่า ” เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสังชละบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 3 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 09.00 น.พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมจงอั่ว หมู่ที่ 4 ตำบลปรังเผล อำเภอ สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี
ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายอะคว่า ไม่มีชื่อสกุล อายุ 34 ปีบัตรประจำตัวบุคคลไร้สัญชาติ อยู่บ้านเลขที่109/ช หมู่ที่ 5 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี
พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะ ตอนเดียว สีขาว ติดป้ายทะเบียน นข – 3507 เพชรบุรี (ป้ายสีฟ้า)โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
ผู้ต้องหาที่ 1.”ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าว ที่หลบหนีเข้า
เมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม” ผู้ต้องหาที่ 2. – 15. “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พฤติการณ์จับกุม ขณะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตั้งจุดรวจหน้าจุดตรวจร่วมจงฮั่ว ม.4 ต.ปรังผล อ.สังขละสังขละบุรี จว.กาญจนบุรี สกัดกั้นการลักลอบขนบุคคลต่างด้าว,ลักลอบลำเสียงยาเสพติด และสินค้าหนีภาษีเข้าสู่พื้นที่ตอนใน พบรถยนต์กระบะ ตอนเดียว สีขาว ติดป้ายทะเบียน นข – 3507 เพชรบรี (ป้ายสีฟ้า) ติดแผงเหล็กกระบะท้าย บรรทุกถุงปุ๋ย
หลากสี บรรจุพืชผลเกษตร (มันสำปะหลังเส้น) ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวติดป้ายทะเบียนสีฟ้า เป็นป้ายรถประเภทรถยนต์นั่งโดยสารเกิน 7 คน (รถตู้/รถโดยสาร) ผิดสังเกต จึงส่งสัญยาณเรียกให้หยุดบริเวณริมถนนหน้าจุดตรวจเพื่อทำการตรวจสอบ พบนายอะคว่า ไม่มีชื่อสุกล อายุ 34 ปี ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยอยู่บ้านเลขที่ 109 /ช หมู่ที่ 5 ต.หนองลู อ.สังขะบุรี จว.กาญจนบุรี เป็นผู้ขับขี่ แสดงท่าทางมีพิรุธ สงสัย จึงขอทำการตรวจค้นตัว ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายที่ตัวนายอะคว่าฯ จึงได้ทำการตรวจค้นที่กระบะท้ายที่บรรทุกพืชผลเกษตร โดยนายอะคว่าฯ ร่วมทำการตรวจค้นด้วย โดยการใช้เหล็กแทงผ่านช่องถุงปุ๋ยที่วางซ้อนกัน พบว่ามีความผิดปกติในลักษณะมีการจับ ยื้อ ดึง จึงได้ขึ้นบน รถยกถุงปุยออกดูจากด้านบนพบว่าคนต่างด้าว ซุกซ่อนอยู่ภายในกระบะท้ายรถในโครงเหล็กลักษณะรูปสี่เหลี่ยม เพื่อให้คนเข้าไปหลบซ่อนอยู่ แล้วใช้ถุงปุยบรรจุมันสำปะหลังเส้นปิดทับอำพรางล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจมองเห็นได้ พบบุคคลคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ หลบซ่อนอยู่ท้ายกระบะจำนวน 15 คน แบ่งเป็นชายจำนวน 10 คน (เป็นเยาวชนชาย 1 คน) และหญิงจำนวน 5 คน
จากการสอบถามนายอะคว่า ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้รับการว่าจ้างจากคนที่รู้จักกันชื่อ ลุงโป่ง (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง)อายุประมาณ 45 ปี เป็นคนมอญ พูดภาษาไทย , มอญ , กะเหรี่ยงได้ ทำอาชีพขับเรือหาปลา จะพักอาศัยอยู่ที่แพเกาะกลางน้ำ แถวบ้านเรดาห์ ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี โดยตนเองเจอกับลุงโป่งเมื่อวานนี้ (17 ก.68) เวลาประมาณ 12.00 น. ที่ร้านค้าหมู่บ้านเรดาห์ตรงข้ามวัดถ้ำสุโข โดยลุงโป่งได้ว่าจ้างให้ตนเองลักลอบขนคนต่างด้าวจากบ้านเรดาห์ ไปส่งที่ บ้านเกริงกระเวีย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร โดยให้ค่าจ้างหัวละ 500 บาท จะได้ค่าจ้างเมื่อส่งคนต่างด้าวถึงที่หมายบริเวณป่าไผ่ด้านในเป็นป่าไผ่ด้านในเป็นป่าต้นสัก ไม่มีบ้านคนพักอาศัย และได้นัดกันว่าให้ตนเองเอารถยนต์ไปจอดไว้ที่ป่าสวนยางใกล้ริมน้ำ ก่อนถึงทางเข้าโรงเรียนบ้านเรดาห์
ต่อมาช่วงเวลากลางคืน ช่วงเวลาประมาณ 02.00 – 03.00 น.ของวันที่ 18 ก.พ. 68 ตนเองได้ขับรถยนต์ไปจอดไว้ที่ป่าสวนยางใกล้ริมน้ำ ก่อนถึงทางเข้าโรงเรียนบ้านเรดาห์ ตามที่นัดหมายไว้แล้ว ตนเองได้เดินเท้ากลับมานอนที่กระต๊อบไร่มันสำปะหลังบริเวณใกล้เคียงกัน จนกระทั่งเวลา 06.55 น.ตนเองได้รับโทรศัพท์ แจ้งว่าให้มาเอารถ ขึ้นคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินกลับมาที่รถพบว่ามีการขึ้นถุงปุ๋ยที่ท้ายกระบะเรียบร้อยแล้ว ตนเองจึงได้ขับรถออกมาตามเส้นทางเพื่อไปส่งยังจุดนัดเอาคนต่างด้าวลงที่บริเวณป่าไผ่ด้านในเป็นป่าต้นสัก บ้านเกริงกระเวีย ต.ซะแล อ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เรียกตรวจค้นและจับกุมตัวได้พร้อมกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จำนวน 15 คน และตนเองเคยรับว่าจ้างทำมาแล้ว จำนวน 2 ครั้ง
จากการสอบถามคนต่างด้าวทั้ง 15 คน มีนายอ่องละ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 17 ปี สัญชาติเมียนมาร์ (แยกบันทึกจับกุมไว้ส่วนหนึ่งแล้ว) พูด ฟัง ภาษาไทย พอเข้าใจ เนื่องจากเคยอยู่และเรียนที่ประเทศไทย แต่กลับออกไปประเทศเมียนมาร์ ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว จะกลับเข้ามาทำงานที่โรงเลี้ยงหมู จว.ราชบุรี ประเทศไทย คนต่างด้าวทั้ง 15 คน ไม่มีเอกสารหรือหนังสือเตินทางการอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทย แต่ละคนจะมาต่างที่กัน เช่น จากเมืองย่างกุ้ง ,เมาะลำไย ,เย แยงกอ , กันลียัน และ พะโค ประเทศเมียนมาร์ และจะเข้ามาหางานทำตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ เช่น กรงเทพฯ , ชลบุรี , สมุทรสาคร และ ราชบุรี เสียค่าเดินทางตั้งแต่ 15,000 – 18,000 บาท โดยจะจ่ายค่าเดินทางเมื่อถึงที่หมายแล้ว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงควบคุมตัวนายอะคว่า พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า ” ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าว ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นจากการจับกุม ” และแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 2 – 15 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
คดีที่ 4 วันที่ 18 ก.พ. 67 เวลา 17.30 น.พ.ต.อ.ไพฑูรย์ ศรีวิลัย ผกก.สภ.สังขละบุรี ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและนำไปซุกซ่อนอยู่ที่บริเวณป่าไผ่ติดแม่น้ำสามประสบ เกาะหน้าบ้านเก่า(ห่างจากวัดจมน้ำประมาณ 300 เมตร ) หมู่ 2 ตำบล หนองลู อำเภอ สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรีเข้าปิดล้อมตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว พบกลุ่มบุคคลต่างด้าวจำนวน 116 คน แบ่งเป็นชายจำนวน 72 คน เป็นหญิงจำนวน 44 คน พร้อมผู้ติดตามจำนวน 2 คน เป็นชายจำนวน 1 คน และเป็นหญิงจำนวน 1 คน ซึ่งตรงตามที่สายลับแจ้งไว้นั่งกระจัดกระจายอยู่ภายในในป่าไผ่บนเกาะ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอทำการตรวจสอบเอกสาร ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถแสดงเอกสารประจำตัว หรือใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ จึงได้แจ้งข้อกล่าวให้ทราบ
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ” เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ”
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 เปิดเผยอีกว่า จากการสอบถามชาวเมียนมาร์ที่พูดภาษาไทยได้ ทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมาร์ ก่อนจะลักลอบเข้ามายังประเทศไทย ต้องเสียเงินให้กับนายหน้าชาวเมียนมาร์ ในเมืองพญาตองซู รายละ18,000-20,000 บาท โดยใช้วิธีการเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ และมาพักคอยตามจุดนัดหมายเพื่อรอรถที่บริเวนป่าข้างทาง จากนั้นก็จะมีรถมารับและทยอยนำมาส่งลงเรือเหมือนกองทัพมดเพื่อนำมาพักคอยอยู่บนเกาะแห่งนี้เป็นเวลา 2 – 3 วันเพื่อรวบรวมรอการเดินทางต่อไปยังพื้นที่ชั้นใน พอครบจำนวนแล้ว ผู้นำพาจะทําสัญลักษณ์ ไว้ทุกคน เพื่อเป็นการคัดแยกจุดหมายปลายทาง ที่จะไปของแต่ละคนเช่นที่ จังหวัด นนทบุรี จังหวัด สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร จังหวัด สมุทรสาคร และ ประเทศมาเลเซีย และอื่นๆเป็นต้น โดยทุกคนจะได้รับข้าวกล้องคนละ 1 กล่อง พร้อมน้ำดื่มเพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น