นราธิวาส ปิดแล้วจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกทั้ง6 จุดตามนโยบายด้านความมั่นคง ชาวบ้านขอความเห็นใจเพราะเดือดร้อนหนัก
ข้อเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการให้ทบทวนละยกเลิกคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยและป้องกันกลุ่มไอเอสลักลอบเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สำเร็จล่าสุด ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้นำอุปกรณ์มาปิดกั้นบริเวณทางขึ้นลงท่าเรือข้ามฟากที่จุดผ่อนปรนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก จำนวน 6 จุดตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 6 มิ.ย.60 ยกเว้นท่าประปาซึ่งเป็นท่าที่ได้รับการยกเว้นให้เป็นท่าที่ถูกต้องที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ทั้งนี้บรรยากาศในภาพรวมเป็นไปอย่างเงียบเหงา เรือที่ให้บริการตามท่าต่างๆจอดสนิท เช่นเดียวกับคิวรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ว่างเปล่าไร้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมานั่งรอลูกค้า และผลจากการปิดจุดผ่อนปรนทั้ง6 ท่าทำให้ประชาชนในพื้นที่8 ชุมชน จำนวนกว่า 1,000 ครัวเรือน รวมกว่า 5,000คนได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่ธุรกิจบริการ โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย เนื่องจากผู้ที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นชาวมาเลเซียที่เดินทางผ่านจุดผ่อนปรนมาใช้บริการในพื้นที่
นางสงกรานต์ เดชหามาตย์ เจ้าของท่าเจ๊ะกาเซ็ม กล่าวว่า มานั่งอยู่ที่ท่าเจ๊ะกาเซ็มตั้งแต่เมื่อคืน รู้สึกเครียดมากที่มีการปิดจุดผ่อนปรนในพื้นที่ เพราะเส้นทางนี้อยู่คู่กับวิถีชีวิตของประชาชนชาวอำเภอสุไหงโก-ลกมานาน ชีวิตถูกผูกติดกับท่าข้าม เพราะสร้างงาน สร้างอาชีพ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวจากงานที่ทำอยู่ที่นี่ ตนเองมีเรือให้บริการเพียงลำเดียว รายได้ก็พอกินพอใช้ไปวันๆ แต่กับลูกน้อง และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างกว่า 30 คน วันนี้รายได้เขาหายไป แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังรออยู่ที่บ้าน คนในครอบครัวจะกินอยู่อย่างไร ลูกๆจะเอาเงินที่ไหนไปกินไปใช้ที่โรงเรียนเลย แล้วความเดือดร้อนในส่วนนี้ภาครัฐจะดูแลเยียวยาเขาอย่างไร หดหู่ใจมากที่วันนี้บรรยากาศความคึกคักของบริเวณจุดผ่อนปรนท่าเจ๊ะกาเซมหายไป ทุกอย่างอยู่ในความเงียบเหงาอีกทั้งความชัดเจนเกี่ยวกับการปิดจุดผ่อนปรนก็ไม่ได้รับการชี้แจง ว่าปิดโดยคำสั่งใคร ปิดแล้วแก้ปัญหาความมั่นคงได้จริงหรือไม่ และจะปิดไปอีกนานแค่ไหน ขอร้องเจ้าหน้าที่รัฐอย่ารังแกและทำร้ายประชาชนด้วยวิธีการอย่างนี้เพราะจะทำให้คนในพื้นที่และระบบเศรษฐกิจของเมืองสุไหงโก-ลกล้มลงทั้งหมด
ด้านนายมะหะมัดนาเซ มะเย็ง อาชีพขับรถรับจ้างท่าโต๊ะอาแว กล่าวว่า ปกติทุกวันต้องมานั่งทำงานอยู่ที่ท่าแห่งนี้ มีรายได้ต่อวันประมาณ 200-300 บาท ซึ่งเพียงพอให้ใช้วันต่อวัน ได้รับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่มาปิดท่า รู้สึกเครียดมาก เพราะที่บ้านมีตนเองเป็นเสาหลักของครอบครัว ไม่มีเงินเก็บ และไม่รู้ชะตากรรมว่าเราต้องเผชิญปัญหานี้ไปอีกนานเท่าไหร่ วอนรัฐเห็นใจชาวบ้านตาดำๆ คนที่ทำงานอยู่ที่จุดผ่อนปรนแห่งนี้คือคนไทย และทำงานสุจริต ปิดจุดผ่อนปรนอย่างนี้ครอบครัวของพวกเราทุกคนจะอยู่อย่างไร
ทางด้านนางสาวซูไฮดา บินตาเล๊ะ ประธานชุมชนท่าประปา กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจที่เปิดจุดผ่อนปรนให้สัญจรได้เฉพาะที่ท่าประปา เพราะตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกคือวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ที่ไปมาหาสู่กันมาอย่างนานหลายชั่วอายุคน เปิดจุดผ่อนปรนท่าเดียวไม่ได้หมายถึงการเห็นผลในเชิงประจักษ์ว่าแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบได้จริง คนทำผิดกฏหมายถ้าจะเข้ามาเขาใช้เส้นทางตามป่า ไม่ใช่แหล่งชุมชน คนที่ทำงานอยู่ในทุกๆจุดผ่อนปรน เขาช่วยเหลืองานของฝ่ายความมั่นคงมาโดยตลอด จึงอยากให้ฝ่ายความมั่นคงลงพื้นที่มาชี้แจงทำความเข้าใจ และฟังเสียงของประชาชนในพื้นที่บ้างว่าการปิดจุดผ่อนปรนในพื้นที่ ทำให้ทุกคนลำบาก เศรษฐกิจในพื้นที่ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย (ผู้ให้สัมภาษทั้ง3คนขอไม่ออกสื่อ)
ภาพ/ข่าว ซาการียา ดอเลาะ / จ.นราธิวาส