คนร้ายใช้อาวุธสงครามและลูกซอง กระหน่ำยิงอดีตครูรับจ้าง เสียชีวิตคารถที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พบคนร้ายพยายามยิงเอาชีวิตเหยื่อมาแล้ว 3 ครั้ง แต่รอดมาได้ ตำรวจตั้ง 2 ประเด็น
วันที่ 10 ก.ค.60 พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ โกมลสววค์ สารวัตรเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตบนถนนในหมู่บ้านสะโลว์ ม.7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จึงรางาน พ.ต.อ.จรัส เส็มสัน ผกก.สภ.รือเสาะ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ชุด EOD และกองวิทยาการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส มาร่วมตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รุดเดินทางเข้าตรวจสอบ พร้อมกันจุดเกิดเหตุไว้ ตรวจสอบพบรถยนต์เก๋งเล็ก ยี่ห้อไดฮัตซุ สีบรอน ป้ายทะเบียน ประเทศมาเลเซีย DAN 7185 (งกถ 718 กลันตัน ประเทศมาเลเซีย) อยู่ในสภาพจอดคาชนเสาไฟฟ้าริมถนน โดยภายในรถยนต์มีคราบเลือดติดอยู่ที่บริเวณเบาะ และพวงมาลัย ส่วนที่บริเวณตัวรถประตูด้านคนขับ กระจกหน้า และบริเวณท้ายรถยนต์มีร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนสงคราม และลูกซองจนพรุน และให้กันเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงครามอาร์.ก้า. หรือ AK – 47 ตกอยู่บนถนน รวม 5 ปลอก ปลอกกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 อีก 3 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ตายทราบชื่อ นาย อับดุลกอเดร์ เจ๊ะเต๊ะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส อดีตเป็นครูรับจ้างโรงเรียนบ้านตันหยง ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ถูกญาติและชาวบ้านนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนายังบ้านพัก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประสารหมอโรงพยาบาลรือเสาะ มาทำการชันสูตรพลิกศพ เนื่องจากญาติผู้ตายไม่ยอมให้นำศพไปตรวจที่โรงพยาบาล
จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวออกมาจากบ้านพักเพื่อจะออกไปทำธุระที่ตลาดรือเสาะ เมื่อผู้ตายขับมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีคนร้ายอย่างน้อย 2 คน ใช้อาวุธปืนสงคราม อาร์.ก้า.และลูกซอง 5 นัก แอบซุ่มอยู่ริมถนน เมื่อสบโอกาสเหยื่อมาถึงจึงกรูออกมากลางถนนพร้อมกับใช้อาวุธปืนที่เตรียมมากราดยิงใส่ทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังขณะที่รถยนต์วิ่งจนเสียชีวิตและรถยนต์เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าริมถนน จนคนร้ายมั่นใจว่าเหยื่อเสียชีวิตคารถยนต์ จึงอาศัยความชำนาญพื้นที่พากันเข้าป่าหลบหนีไปทางหลังหมู่บ้าน ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องส่วนตัว หรือการเมือง เนื่องจากผู้ตายเคยลงสมัครเป็นผู้นำท้องถิ่น แต่ไม่ทิ้งประเด็นสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ตายถูกคนร้ายลอบยิงมาแล้ว 3 ครั้ง และรอดมาได้ทุกครั้ง จนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 และพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมอาจจะระแวงผู้ตายที่หัวเข้าหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ.
ภาพ/ข่าว ซาการียา ดอเลาะ
