วันจันทร์, 23 กันยายน 2567

นครปฐม-รวบแก๊งผัว-เมียตระเวณลักเงินบริจากตามวัด

07 ม.ค. 2018
115

นครปฐม รวบแก๊งผัว-เมีย ตระเวณลักเงินบริจากตามวัด

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2561 เวลา 10.00 น.พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม, พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม, พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.นครชัยศรี พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ รอง ผกก.สภ.นครชัยศรี,พ.ต.ท.ครรชิต โชวัฒนชัย สว.สส.สภ.นครชัยศรี,ร.ต.อ.ภัทร บุญอารักษ์ รอง สว สส.สภ.นครชัยศรี ร.ต.อ.โฆษิต เจริญสุข รอง สว.สส.ฯ,ร.ต.ท.พุฒิวัชร์ ทิมแสงจันทร์ รอง สว.สส.ฯ พร้อมชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรีร่วมแถลงข่าวการจับกุม แก๊ง ผัว-เมีย ลักเงินบริจาควัดศรีมหาโพธิ์ ม.4 ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นครชัยศรี ได้รับแจ้งเหตุ ว่าเมื่อวันที่2มกราคม 2561 เวลาประมาณ 15.00 น. ได้มีคนร้าย ลักเอาเงินในตู้บริจาคที่ตั้งอยู่บนภายในโบสถ์มหาอุด สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น วัดศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี
จึงได้รุดไปตรวจที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์และใบหน้าคนร้ายเป็นชายและหญิงสองคนก่อเหตุงัดตู้บริจาคโดยคนร้ายใช้ความเป็นผู้หญิงซุกซ่อนครีมตัดเหล็กปากนกแก้วไว้ที่ตนเองเข้ามาภายในโบสถ์โดยทำทีเข้ามานมัสการหลวงพ่อดำเมื่อ สพโอกาสจึงได้นำครีมออกมาให้ชายคนร้ายเป็นผู้ชายตัดกุญแจตู้บริจาคลักเอาเงินไปแล้วโดยใช้รถจักรยานยนต์ เป็นยานพาหนะในการหลบหนีทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบพบ จักรยานยนต์คนร้ายที่ใช้ก่อเหตจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟสีน้ำเงิน เลขทะเบียน ยบษ ๒๕๔ กทม. มีนายสุชาติ อยู่เสือ เป็นผู้ครอบครองรถดังกล่าวที่มีใบหน้าคล้ายกับคนร้ายที่ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในโบสถ์และมีภรรยาชื่อ นางสาวอัมรินทร์ฯ เพราะว่าเคยถูกดำเนินพยายามลักทรัพย์


ที่ สภ.นครชัยศรี เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๕ และคดีลักทรัพย์ ที่ สภ.โพธิ์แก้ว เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๙ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี จึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนครปฐม ตามหมายจับที่ จ.๔/๖๑ ลง ๕ ม.ค.๖๐ และ ที่ จ.๕/๖๑ ลง ๖ ม.ค.๖๑ ข้อหา “ ร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป”
จากการสืบสวนหาข่าวทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองเช่าห้องพักอยู่สองแห่งคือที่บริเวณ ต.คลองใหม่ อ.สามพราน ฯ และ ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรีฯ จึงได้วางกำลังเฝ้าประจำแต่ละวันเพื่อจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนจนกระทั่ง

เมื่อวันที่6มกราคม 2561 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ที่เฝ้าจุดอยู่ที่บริเวณห้องเช่า ต.ขุนแก้ว ฯ พบนายสุชาติฯ จอดรถ จักรยานยนต์ติดป้ายทะเบียน ยบษ ๒๕๔ กทม. ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนรถคันที่ใช้ก่อเหตุแต่ตำหนิรูป พรรณรถไม่ตรงกัน อยู่ริมถนนในหมู่บ้าน ต.ขุนแก้ว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับและซักถามขยายผลจนทราบว่าได้ถอดสลักป้ายทะเบียนกับรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่ง. หลังจากทราบข่าวว่ามีภาพปรากฏขณะก่อเหตุ และ รถ จักรยานยนต์ อยู่กับ นางสาวอัมรินทร์ ภรรยา ซึ่ง เป็นผู้ร่วมก่อเหตุในคดีนี้พักอยู่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ม.5 ต.ตลาดจินดา อ.สามพรานฯ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นางสาวอัมรินทร์ อยู่ภายในห้อง แล้ว จึงได้ตรวจค้นห้องพักดังกล่าวพบรถจักรยานยนต์ติดป้ายทะเบียน ยขพ๒๗ กทม. ซึ่งไม่ตรงกับทะเบียนรถที่ใช้ก่อเหตุ เมื่อนำภาพจากกล้องวงจรปิดมายืนยัน พบว่ารถเป็นคันเดียวกัน ผู้ต้องหาทั้งสอง จึงยอมรับว่าหลังจากก่อเหตุและมีภาพข่าวออกจึงได้ถอดป้ายทะเบียนเปลี่ยนกับ จักยานยนต์ ที่นายสุชาติฯ ขับอยู่ขณะถูกจับกุม และยังพบเสื้อฟ้าที่ผู้ต้องหาทั้งสองสวมใส่ในวันก่อเหตุที่สอทของกับภาพจากเพราะวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพว่าเป็นผู้ร่วมกันก่อเหตุลักเงินในตู้บริจาคภายในอุโบสถวัดศรีมหาโพธิ์ตามภาพข่าวจริง ได้เงินไปบริจาคไป ๑,๕๓๐ บาท โดยก่อนหน้านี้เป็นลูกน้องนายทุนเงินกู้นอกระบบ และเป็นคนวิ่งเก็บเงินกู้เมื่อถูกปราบปรามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างจริงจังนายทุนเลิกกิจการไปจึงตกงานด้วยอารมณ์ชั่ววูบจึงได้มาก่อเหตุดังกล่าวจึงได้ตรวจยึดเครื่องแต่งกายและรถจักรยานยนต์ไว้เป็นของกลางและจับกุมทั้งสองไว้เป็นผู้ต้องหานำส่ง พงส.สภ.นครชัยศรี เพื่อดำเนิน ตามกฎหมายต่อไป
จากการขยายผลทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองเคยก่อเหตุลักผู้บริจาคที่วัดพันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จว.สมุทรสาคร เมื่อวันที่7 ธ.ค.60 ได้เงินบริจาคไป 7,300 บาท และ สภ.โคกขาม ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองไว้แล้วซึ่งขณะก่อเหตุนางสาวอมรินทร์ฯ ได้ไว้ผมยาวแต่พบข้อมูลปรากฏภาพตนเองใน Facebookขณะเกิดเหตุจึงได้ไปตัดผมสั้นเพื่ออำพรางตำหนิรูปพรรณของตนเองอีกด้วย

 

Loading