วันเสาร์, 16 พฤศจิกายน 2567

ชุดสืบสวน ศป.ฉปทน.ตร.บุกทะลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

02 เม.ย. 2018
24

ตามที่ชุดสืบสวน ศป.ฉปทน.ตร. ได้บุกทะลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๑ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน ๒๓ คน เป็นคนไต้หวัน ๑ คน และเป็นคนไทย ๒๒ คน ควบคุมตัวส่งตำรวจเมืองดูไบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
​​วันนี้(๒ เม.ย.๒๕๖๑) เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้นำตัวผู้ต้องหา จำนวน ๑๘ คน กลับมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย เพื่อดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ตามหมายจับของ สน.คลองตัน มีรายละเอียดดังนี้
​๑)นายธนูธร ชัยดี อายุ ๓๒ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๙๐/๒๕๖๑ ลง ๑ มี.ค.๒๕๖๑
​๒)น.ส.จันทจร เศษวิสัย ​อายุ ๓๕ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๔/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๓)น.ส.น้ำผึ้ง แววพลอย​อายุ ๔๐ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๘๗/๒๕๖๑ ลง ๒๗ ก.พ.๒๕๖๑
​๔)นายสุรกิจ สุดโท อายุ ๓๗ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๓๒/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๕)นายสุชิน สุขสุยุติ อายุ ๔๑ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๗/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑

​๖)น.ส.วิชุดา ฉิมจารย์ อายุ ๒๗ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๕/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๗)นายพิรุณ รัตนวิเศษ​อายุ ๓๑ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๓๐/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๘)นายชลชาติ เอี่ยมทิม ​อายุ ๔๔ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๑/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๙)น.ส.จิดาภา สำรวมจิตร อายุ ๓๓ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๒/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๐)นายกฤษดา มะลิโรจน์ อายุ ๒๓ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๖/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๑)นายมาลัย นาเมฆ ​อายุ ๓๙ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๐/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๒)นายเกริกฤทธิ์ ทองสุข อายุ ๓๕ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๑๙/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๓)นายจิรเมธ สกุลกิตติกวิน อายุ ๓๗ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๘/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๔)นายฐเดช บาทชารี ​อายุ ๓๒ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๙/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๕)น.ส.วันดี ฤทธี อายุ ๓๓ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๓๑/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๖)นายธิติพัทธ์ บุตตะโยธี อายุ ๒๐ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ ๑๓๕/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๗)นายฉัตรพงษ์ ขันเสนาะ อายุ ๓๖ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๓๗/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑
​๑๘)นายมีชัย ดวงไกรแฝง อายุ ๓๖ ปี สัญชาติไทย หมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ ๑๒๓/๒๕๖๑ ลง ๒๒ มี.ค.๒๕๖๑



​โดยกระทำผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, กระทำการเป็นอั้งยี่และซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
​​สน.คลองตัน เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง ๑๘ คน ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงดังกล่าว ส่วนที่เหลืออีก ๔ คน ทางประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะส่งตัวกลับมาให้ในวันอังคารที่ ๓ เม.ย.๒๕๖๑


​​ในการปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในต่างประเทศ โดยในการปราบปรามทั้ง ๕ ครั้ง ๔ ประเทศ มีประเทศมาเลเซีย จำนวน ๒ ครั้ง และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวน ๑ ครั้ง ได้ส่งตัวผู้ต้องหามาให้ประเทศไทยดำเนินคดีแล้ว เหลือเพียงประเทศกัมพูชา และประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อยู่ระหว่างประสานงานขอรับตัวผู้ต้องหาที่เหลือกลับมาดำเนินคดี



​​สรุปผลการประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศ จำนวน ๕ ครั้ง
​​ครั้งที่ ๑ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ ๒๖ ม.ค.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน ๕ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๓ คน, คนมาเลเซีย ๒ คน
​​ครั้งที่ ๒ ประเทศกัมพูชา​ เมื่อวันที่ ๑๖ ก.พ.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน ๓๗ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๖ คน, คนไทย ๒๖ คน และ คนกัมพูชา ๕ คน
​​ครั้งที่ ๓ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ ๒๐ ก.พ.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน ๑๖ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๕ คน และคนไทย ๑๑ คน
​​ครั้งที่ ๔ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองดูไบ เมื่อวันที่ ๑๙ มี.ค.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน ๒๓ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๑ คน และคนไทย ๒๒ คน
​​ครั้งที่ ๕ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมืองฝูเจี้ยน เมื่อวันที่ ๒๗ มี.ค.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน ๖ คน
​​เป็นไต้หวัน ๑ คน และคนไทย ๕ คน
​​รวมจับกุมผู้ต้องหา ทั้งสิ้น ๘๗ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๑๖ คน, คนไทย ๖๔ คน, คนมาเลเซีย ๒ คน และคนกัมพูชา ๕ คน

Loading